HomeAboutMusic DataMusic QuotesContact

Saturday 28 December 2013

My Favourite Track of 2013 List


จะเรียกว่าเป็นธรรมเนียมที่ทำกันมาช้านานในช่วงสิ้นปีของวงการสื่อมวลชนเลยก็ว่าได้ เมื่อช่วงสิ้นปีมาถึงก็จะต้องมีการรวบรวมเอาเรื่องราว เหตุการณ์หรือสิ่งของอะไรที่เป็นที่นิยมหรือพูดถึงกันในวงกว้างของปีนั้นมาทบทวนให้คนได้ทราบกันอีกครั้ง บล็อกเกอร์อย่างเราๆก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นบล็อกสายไหนก็ตาม แฟชั่นบล็อกเกอร์ก็นิยมรวบรวมชุดสุดฮอทหรือชุดสุดพลาดของดาราและคนดังประจำปี บิวตี้บล็อกเกอร์ก็ชอบรวบรวมไอเท็มชิ้นโปรดเป็นการกระตุ้นยอดขายให้แบรนด์อีกเฮือกก่อนปิดยอดประจำปี แม้แต่ไอทีบล็อกเกอร์ก็ยังมิวายรวบรวมแก็ดเจ็ดรุ่นเด่นน่าจับตาประจำปีให้คนอ่านได้เลือกหาซื้อกันเป็นของขวัญในเทศกาลนี้ สำหรับบล็อกเกอร์ที่เขียนเกี่ยวกับเพลงอย่างเราก็ไม่ยอมน้อยหน้า เราจะต้องเข็นเอาลิสท์เพลงโปรดประจำปีออกมาให้จงได้ คัดสรรกันมาอย่างดีทั้งเพลงไทยและเทศ ปะปนกันไปหลากหลายแนวเพลง จนได้มาทั้งหมด 20 เพลงด้วยกัน ตามนี้

1. Again - Stimmhalt



งานเพลง deep house ดีๆที่ไม่ควรมองข้าม สัมผัสกับความเย็นไปกับศิลปินหนุ่มจากจอร์เจีย รับประกันว่าถูกใจแน่นอน

2. แค่อยากจะขอ - จีน กศิดิษ



เจ้าแม่เพลงอิเล็คทรอนิคส์ป็อบ-ร็อกของเมืองไทย พูดได้เต็มปากว่านาทีนี้ยังไม่มีใครโค่นบัลลังก์ตัวแม่อย่างเธอได้เลย

3. On Our Way - The Royal Concept



ถึงจะเป็นเพลงที่ดังมาจากการได้ประกอบเกมอย่าง Fifa 2014 แต่เนื้อหาและความหมายที่สื่อถึงพลังของวัยสดใสนั้นจับใจสุดๆ

4. Raw Love - Kris Chaovalit



อีกหนึ่งเพลงรักที่สื่อถึงความรักที่บริสุทธิ์ มันเพียวมากซะจนเหมือนของดิบก็ไม่ปาน คริสทำให้เราหลงรักเธอเข้าเต็มเปาเลย

5. Giving It All - Bondax



งานอิเล็คทรอนิคส์ที่รับประกันเลยว่าจะต้องชอบตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งเพลง มีความป็อบอยู่ในตัวอย่างเหมาะเจาะ ยากที่จะไม่ชอบ

6. The Wire - Haim



สามสาวพี่น้องจากแอลเอที่มากับเพลงอัลเทอร์เนทีฟร็อกเท่ๆ แต่เรียบง่าย ไม่ยุ่งยาก แถมน่าสนใจมากด้วย

7. Bad - Wale



เพลงฮิปฮอปเนื้อหาแร๊งส์สำหรับสาวมั่นแห่งยุคถูกถ่ายทอดจากมุมมองของชายหนุ่ม สาวคนนี้เธอเปรี้ยวกล้าแต่ทว่าร้าวราน

8. World - สุรสีห์ อิทธิกุล



เมื่อรุ่นใหญ่มากฝีมือปล่อยผลงานเพลงร็อกความหมายดีออกมาให้เราฟังกันอีก ฝีไม้ลายมือยังคงจัดจ้านถึงใจเช่นเคย

9. Pumping Blood - NONONO



ถ้าจะพูดถึงเพลงประกอบโฆษณาที่ดังที่สุดในปีนี้ ก็คงจะหนีไม่พ้นแทร็คนี้เป็นแน่แท้ แบรนด์เขาดังซะจนพานักร้องให้ดังไปตามๆกัน

10. Fake Your dream - Ain't No Love



อีกหนึ่งเพลงอิเล็คทรอนิคส์ป็อบที่ผสมกับกลิ่นอายของฮิปฮอปได้อย่างลงตัว ใครที่ฟังแล้วไม่ติดหูก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วเนี่ย

11. Can't Afford It All - Jakubi



เป็นแทร็คที่ฟังแค่ไม่ถึง 10 วินาทีก็ต้องร้องกรี๊ดออกมาเพราะว่ามันป็อบและขายสุดๆไปเลย ฟังแล้วต้องขยับแข้งขยับขาตามรัวๆ

12. Drops - Jungle



งานอิเล็คทรอนิคส์โซลที่เนี้ยบสะอาดหมดจดทุกหยดหยาดสมชื่อเพลงเลยทีเดียว บวกกับเสียงสไตล์ black voice ที่ชวนหลงใหล

13. Without You - Dillon Francis ft. Totally Enormous Extinct Dinosaurs



ด้วยยอดฟังถล่มทลายหลายแสนภายในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือนคงจะเป็นเครื่องการันตีคุณภาพของเพลงนี้ได้อย่างไม่ยากเย็น

14. Incredible - Brice Fox ft. Matty Rico



แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเหลือเชื่อ เพราะฉะนั้นคงไม่ต้องโฆษณาบรรยาสรรพคุณอะไรให้มากความหรอกมั้ง

15. Atlantis - Postiljonen



นานๆทีที่เราจะได้เห็นงานอิเล็คทรอนิคส์ที่เหมือนผสมกลิ่นอายของเพลงแจ๊สเข้าไว้ด้วยกันแบบนี้ เป็นอะไรที่เคลิบเคลิ้มใจมาก

16. Don't Give Up - Washed Out



งานอิเล็คทรอนิคส์สาย chillwave ที่มีจังหวะจะโคนพอประมาณแต่ยังฟังได้สบายๆ ฟังแล้วอยากไปขับรถเล่นสักสองสามรอบ

17. Another Day - Chuck Love



นี่คืออีกบทพิสูจน์นึงว่างานอิเล็คทรอนิคส์เฮ้าส์ก็สามารถทำให้ฮิตได้ด้วยกลิ่นอายความป็อบสูตรสำเร็จแบบตีหัวเข้าบ้าน

18. Can't Get Enough - Yeah Boy



แค่เพียงโน้ตตัวแรกขึ้นมาก็ทำให้ไหล่ขยับได้แล้ว ไม่เชื่อก็ลองกดฟังงานอิเล็คทรอนิคส์เฮ้าส์ที่มีส่วนผสมของ synth-pop นี้ดูสิ

19. Here With Me - Sango



งาน RnB หนึ่งเดียวที่ได้เข้ามาในลิสท์ black voice นุ่มๆ กับจังหวะจะโคนดนตรีที่เท่เหลือใจ คงไม่ต้องย้ำนะว่าทำไมถึงชอบ

20. Circle Down - AYER



แม้จะเป็นแทร็คเดบิวท์ แต่งานอินดี้ป็อบผสมสไตล์ย้อนยุคแบบนี้ก็โดดเด้งกระแทกหูกระแทกตาใครหลายคนเข้าจนได้

ก็จบลงไปแล้วสำหรับทั้ง 20 อันดับงานเพลงที่เราชอบประจำปี 2013 นี้ ชอบหรือไม่ชอบเหมือนกันยังไงก็ลองมาคุยกันได้ ใครมีแทร็คไหนเจ๋งๆที่เราอาจจะพลาดไปก็ให้รีบแนะนำมาด่วนๆเลย ไม่อยากจะพลาดของดีก่อนจะสิ้นปีน่ะ สำหรับช่วงหยุดปีใหม่นี้คงไม่ได้เดินทางไปไหนไกล ก็เลยจะยังคงอัพบล็อกกันไปแบบต่อเนื่อง ถ้าไม่ติดขี้เกียจซะก่อนน่ะนะ

ทิ้งท้ายกันสักนิดกับเรื่องที่อาจจะไม่เกี่ยวอะไรกับการฟังเพลงของพวกเราเลย ถ้าสังเกตกันให้ดีจะเห็นว่าปุ่ม play ของเครื่องเล่นเพลงที่เรานำมาจาก Soundcloud.com เนี่ยมันเป็นสีม่วง (ต่างจากปกติที่เรามักจะใช้สีดำ) เมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมาทาง PANTONE ได้ประกาศ color of the year 2014 ออกมา ได้แก่สีม่วงในแบบที่เห็น ซึ่งมีชื่อสีอย่างทางการว่า radiant orchid เราจะใช้มันเป็นสีของปุ่ม play เริ่มจากวันนี้ไปตลอดทั้งปี 2014 ที่จะมาถึง และเราจะเปลี่ยนสีใหม่ตามเทรนด์ที่ทาง PANTONE เลือกไปทุกๆปี หวังว่าจะยังคงติดตามกันอยู่นะ

post signature

Saturday 14 December 2013

10 all time favourite RnB & gospel songs


ตั้งใจเอาไว้ว่าในช่วงคริสต์มาสนี้เรานำเสนอ 20 อันดับเพลงโปรดประจำปี 2013 ให้ได้รู้กัน เพราะมันเป็นเหมือนธรรมเนียมของคนที่ทำบล็อกเพลงที่จะต้องเขียนรวบรวมแทร็คเด็ดประจำปีเอาไว้ รับรองว่าจะได้อ่านกันแน่นอน จากจุดนั้นเราเลยได้ไอเดียว่าจะนำเสนอ all time favourite บ้าง เป็นการรวบรวมเอาเพลงโปรดในหลายๆแขนงไว้ด้วยกัน เป็นการทบทวนตัวเองไปในตัวและเป็นการแลกเปลี่ยนความชอบกันระหว่างเรากับคนอ่าน จริงๆการทำแบบนี้มีประโยชน์ก็คือมันจะทำให้เราดูออกว่าใครมีเทสต์แบบไหน อ้างอิงได้จากเพลงโปรดในท็อปลิสท์แบบนี้แหละ เวลาที่เข้ามาอ่านโพสต์ของเราแล้วเห็นเราแนะนำอะไรแบบไหน จะได้เห็นภาพจากแบ็คกราวด์การฟังเพลงของเรา แล้วเปรียบเทียบกับของตัวคุณเองได้ถูกว่าจะชอบแบบเราหรือจะเซย์โนกับมัน สำหรับลิสท์แต่ละตัวของเราถ้าอ่านแล้วชอบเหมือนกันหรือชอบอะไรที่ต่างออกไปก็แนะนำกันเข้ามาได้ตลอด ไม่ต้องกลัวว่าเราจะถือสาหาความ อย่าลังเลที่จะแนะนำอะไรใหม่ๆให้เรา ดีเสียอีกที่จะได้เปิดโลกการฟังเพลงของเราและคุณให้กว้างกว่าเดิม

เกริ่นกันมานานพอแล้ว สำหรับลิสท์แรกที่จะนำเสนอคงจะหนีไม่พ้นแนวเพลงที่เราชื่นชอบที่สุดในบรรดาสายเพลงร้อง ก็คือ RnB และ gospel นั่นเอง เราหลงใหลในเสียงแบบ black voice ชื่นชอบในเทคนิคการริฟเสียงแบบที่นิยมใช้กันในเพลงสไตล์นี้ อีกทั้งยังมีการแอดลิบและอิมโพรไวซ์ที่หลากหลาย เรียกว่าร้องทีไรมันก็จะไม่ซ้ำกันเลยสักครั้ง ทั้งหมดทั้งปวงนี้นำมาซึ่งอาการที่เราเรียกว่าฟินรูหู หรือจะเดาะภาษาอังกฤษเท่ๆก็เรียกว่า eargasm ก็ได้ เอาละ ขอเชิญรับชมและสำราญไปกับ 10 เพลงโปรดในแนว RnB และ gospel ของเราได้แล้ว ณ บัดนี้ อ้อ ไม่ได้เรียกลำดับตามความชอบมากน้อยแต่อย่างใดนะ

1. Never Too Much - Luther Vandross



เพลง RnB ต้นยุค 90 ที่เราชอบมากๆ ส่วนตัวแล้วด้วยความเป็นเด็กยุค 90 แบบเราก็ต้องบอกเลยว่าไม่ได้ทันฟังเพลงนี้ออกมาในปีที่มันฮิต เราเกิดกลางยุค 80 ก็จริง แต่ยังฟังไม่ค่อยออกเท่าไหร่ มาคุ้นๆเอาก็จากที่น้าชายเปิดฟังกันในบ้านนี่แหละ เรียกว่าโตมากับเพลงทั้งจากยุค 80 และ 90 เลยก็ว่าได้ แต่มันก็เป็นอะไรที่แค่คุ้นหูแล้วผ่านเลยไปในวัยเด็ก จนเมื่อต้นปีนี้แหละ มีโอกาสได้ไปคอนเสิร์ทของนักร้องคนไทยที่เราชอบมากๆ แล้วเขาเอาเพลงนี้มาร้องด้วย ฟังแล้วนึกขึ้นได้ทันทีว่าเป็นเพลงนึงที่เราเคยชอบมากสมัยเด็ก กลับบ้านมาแล้วก็มาหาฟังซ้ำอีกที จากวันนั้นก็เลยฟังซ้ำไปซ้ำมาจนถึงตอนนี้ มันอาจจะไม่ใช่เพลงที่มีเทคนิคจัดจ้านอะไร ดนตรีก็เรียบๆ แต่ทำให้เราชอบได้มากๆเลย

2. My Girl - The Temptations



ถ้าพูดถึงนักร้องผิวดำระดับตำนานแล้ว จะข้ามวงนี้ไปก็คงให้อภัยตัวเองไม่ได้แน่นอน เป็นเพลงจากนักร้องผิวดำยุค 60 ที่ฮิตข้ามทศวรรษจริงๆ ครั้งแรกที่รู้จักเพลงนี้เราไม่ได้ฟังจากต้นฉบับ แต่ได้ฟังเวอร์ชั่นที่ไมเคิล หว่องนำมาร้องในอัลบั้มเพลงของเขา ถึงแม้จะไม่ใช่ต้นฉบับแต่ก็ทำให้เราชอบเพลงนี้ไปเลย มาได้ฟังต้นฉบับเอาจริงๆก็หลังจากนั้นมาเกือบ 5 ปีน่าจะได้ จากหนังชีวประวัติของวงที่ออกฉายในช่อง Hallmark ดูแล้วเต็มอิ่มไปกับเพลงจากยุคโมทาวน์ และแฟชั่นของ 5 หนุ่มเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นหนังอีกเรื่องนึงที่ทำให้เรากลายเป็นคนชอบดูหนังเพลงไปเลย มีหนังเพลงเรื่องไหนออกมาไม่ว่าจะเป็นดนตรีแขนงไหน เราไม่เคยพลาด

3. His Eye Is On The Sparrow - Lauryn Hill and Tanya Blount



ไหนๆก็พูดถึงหนังเพลงแล้ว ก็ขอต่อกันที่เพลงนี้ที่เป็นเวอร์ชั่นในหนังเพลงเลยก็แล้วกัน SIster Act 2 เป็นหนังภาคต่อที่แจ้งเกิดนักร้องเสียงทองหลายๆคน รวมทั้ง Lauryn Hill ด้วย เรารู้จักหนังเรื่องนี้และเพลงประกอบทั้งหมดก็ในช่วงเดียวกับที่ดูหนังประวัติ The Temptations นี่แหละ และหนังเรื่องนี้ก็ทำให้เราได้รู้จักกับแนวเพลง gospel และหลงรักมันมาจนถึงทุกวันนี้เลยทีเดียว เรารักเพลงนี้มากมาตั้งแต่สมัยที่เรายังไม่เป็นคริสเตียนเลยด้วยซ้ำ เป็นเพลงที่ฟังทีไรก็รู้สึกถึงพลังและทำให้มีน้ำตาปริ่มๆทุกทีไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชั่นไหนก็ตาม ทุกวันนี้ได้แต่บอกตัวเองว่าคงเป็นเสียงเรียกของพระเจ้าที่ส่งถึงเราผ่านเพลงนี้มานานแสนนานแล้ว และก็เช่นกันในงานคอนเสิร์ทของนักร้องคนโปรดเมื่อตอนต้นปีเขาก็ร้องเพลงนี้ด้วย ฟังแล้วฟินจริงๆ

4. I Swear - All 4 One



มาที่เพลงที่เรียกว่าเป็นเพลงเปิดโลก RnB ของเราเลยก็ว่าได้ เพลงนี้อยู่ในยุค 90 ช่วงนั้นเราเรียนประถมเอง 8-9 ขวบได้มั้ง แต่เพลงนี้ฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมืองจริงๆ สำหรับเรามันเป็นเพลงที่ฝ่ากระแส RS Grammy ครองเมืองเข้ามายังหูเราจนได้ เสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของนักร้องชายผิวดำ (จริงๆในวงมีคนขาวด้วย น่าจะเป็น hispanic จำไม่ผิด) ผสมเข้ากับเทคนิคการแอดลิบและอิมโพรไวซ์เป็นอะไรที่ตื่นตาตื่นใจตื่นหูของเด็กประถมแบบเราในสมัยนั้นมาก คือเกิดมาไม่เคยฟังอะไรแบบนี้จริงจังมาก่อน ตื่นตะลึงพรึงเพริดมาก นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราหันมาสนใจเพลงสากลด้วยเหมือนกัน

5. Anything - 3T



สำหรับเพลงนี้คงต้องเรียกว่าเป็นเพลงที่หลงหายไปในเสี้ยวนึงของความทรงจำ มันออกมาในปี 1995 เป็นช่วงที่เรากำลังบ้าบอยแบนด์ในตำนานของบ้านเราเอามากๆ ไม่ค่อยได้สนใจเพลงสากลเท่าไหร่ ถึงเพลงจะเข้าหู แม้กระนั้นก็เลือนลางมากในความทรงจำ แต่ท่อนเอื้อนของมันเป็นอะไรที่ติดตรึงอยู่เสมอในซอกเสี้ยวของความรู้สึก คุ้นหูคุ้นใจแต่นึกไม่ออกว่าเป็นเพลงของใครเพลงปีไหน จนเมื่อต้นปี 2011 เราก็ค้นพบมันเข้าอีกทีโดยบังเอิญ วินาทีนั้นน้ำตาแทบไหล มันเหมือนได้เจอคนรู้จักที่ถึงแม้จะไม่สนิทมากแต่เราก็พลัดพรากกันไปนาน คืนนั้นจึงจัดการดาวน์โหลดมาและเปิดฟังทั้งคืนจนหลับไป

6. Back At One - Brian McKnight



เพลงรักหวานหยดอีกเพลงที่คอ RnB หลายๆคนชื่นชอบและเราก็เป็นหนึ่งในนั้น คงจะไม่ต้องร่ายยาวอะไรมากสำหรับเพลงนี้ ด้วยเทคนิคและน้ำเสียงแบบนี้แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่คนแบบเราจะไม่ชอบ ตอนนั้นเราฟังภาษาอังกฤษออกเยอะแล้ว เรียกว่าฟังเพลงสากลรู้เรื่องและเข้าใจเกินครึ่ง เลยซาบซึ้งและอินไปกับมันได้มากยากเลย เป็นเพลงที่เรารอคอยจะได้เห็น cover version จากนักร้องคนโปรด และก็เป็นที่น่าแปลกใจว่าในการประกวดหลายๆรายการไม่ค่อยมีคนนำเพลงนี้ไปใช้กันเท่าไหร่เลย เราว่ามันได้โชว์อะไรเยอะออกนะ หรือเราไม่เห็นเองก็ไม่รู้สิ

7. I Believe I Can Fly - R Kelly



เพลงจากหนังอีกแล้ว เรียกว่าเป็นเพลงระดับตำนาน RnB ยุคใหม่อีกเพลงเลยทีเดียว ใครไม่จัดเราจัดเอง นอกจากเนื้อเพลงที่จรรโลงใจให้ความหวังแล้ว เพลงนี้ยังมีดีที่วงประสานเสียงในช่วงท้าย อลังการงานสร้างมากๆ เพราะลำพังแค่เสียงคนดำและเทคนิคก็ทำให้เรารักมันมากอยู่แล้ว นี่เพิ่มวงประสานเสียงที่เป็นคนดำล้วนๆเข้ามาทั้งวงอีก ตายสิคะคุณ ความฟินขั้นสุดยอดบังเกิด เพลงนี้เป็นเพลงที่เราคิดว่าถ้าเราไปประกวดร้องเพลง เราก็อยากจะเลือกไปออดิชั่นแหละ ทั้งๆที่ก็ไม่ได้มีความสามารถที่จะทำได้แบบนั้นนะ แต่เพลงมันเก๋าจริงๆ

8. Emotion - Destiny's Child




ถ้าพูดถึงเพลง RnB ยุคใหม่แล้วจะไม่พูดถึงเพลงของ 3 สาวนี้ก็อาจจะดูแปลกๆอยู่ เป็นการเอางานของ Bees Gees กลับมาทำใหม่ในรูปแบบ RnB ที่เรียบเรียงเสียงประสานได้อย่างลงตัวสุดๆ สำหรับเราคิดว่าดีกว่าต้นฉบับเสียอีก เพราะด้วยเนื้อหาแล้วมันดูจะตรงกับจริตหญิงมากกว่าที่จะเป็นเพลงที่สื่อสารออกมาโดยผู้ชาย ฟังแล้วปวดอกปวดใจไปตาม 3 สาวในเพลงซะจริงๆเชียว เรื่องของเสียงและเทคนิคนั้นไม่ต้องพูดถึง เจ๋งอยู่แล้ว

9. If I Ain’t Got You - Alicia Keys



มาถึงนักร้องหญิงเดี่ยวกันบ้าง นี่เป็นอีกเพลงที่เราชอบช้าไปจากช่วงที่มันฮิตอยู่หลายปี เพลงเขาออกมาตอนปี 2003 เราเพิ่งจะมาคลั่งไคล้เอาตอนกลางปี 2005 เพราะตอนนั้นโดนบอกเลิก เลยหาเพลงฟังเพื่อเพิ่มดีกรีความเจ็บปวด ฟังแล้วร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลัง เป็นอีกเพลงที่ชอบมากๆไม่ว่าใครจะเอามา cover ต่อ ยิ่งถ้าเป็นคนดำด้วยกันแล้วยิ่งจะชอบเป็นพิเศษเลย ก็อย่างเวอร์ชั่น battle หยุดโลกของ Jessie และ Anthony นั่นไง ฟังแล้วเหมือนเลือดแทบจะสาดออกมาจากทวารทั้งเก้าทั้งแปดเลยทีเดียว

10. I’ll Make Love To You - Boyz II Men



ขอปิดท้ายที่วงบอยแบนด์ผิวดำในตำนาน เป็นวงที่เรียกว่าคอ RnB บ้านเราเริ่มหัดฟังจากวงนี้เป็นส่วนมากเลยก็ว่าได้ สำหรับเพลงนี้ไม่มีอะไรต้องพูดให้มากความ สุดยอดไปทุกอย่างให้ตายเถอะโรบิน ทั้งเทคนิค ทั้งเนื้อเสียง ทั้งเสียงประสาน ไหนจะยังมีเนื้อหาที่ชวนวาบหวิวใจอีกตะหาก เพอร์เฟ็คแบบนี้เอาไปสิบเต็มค่ะ

จบลงไปแล้วสำหรับ 10 เพลงโปรดในสาขา RnB ของเรา ความจริงยังมีอีกมากมายหลายเพลงที่ชอบ แต่ถ้าจำเป็นต้องตัดให้เหลือแค่ 10 จริงๆก็คงเป็นตามที่เห็นนี้แหละนะ ถ้าจะให้เราสรุปง่ายๆว่าทำไมเราถึงรักและหลงใหลใน RnB มากนัก อย่างแรกก็คงเป็นที่เนื้อเสียงของคนดำที่ไม่เหมือนใครจริงๆ และก็เทคนิคการร้องแบบเฉพาะที่หาไม่ได้ในเพลงแนวอื่น รวบกันออกมาแล้ว บู้มมม กลายเป็นโกโก้ครั้นช์ เฮ้ยย เดี๋ยวๆ ไม่ใช่ละ เอาดีๆก็คือรวมสองอย่างนี้เข้าด้วยกันแล้วความฟินมันบังเกิด แล้วก็ใช่ว่าเราจะฟังแต่นักร้องดังๆเท่านั้นนะ นักร้องโนเนม นักร้องที่ไม่มีกระแสในบ้านเราเลยเราก็ฟังได้หมด ขอแค่คุณเป็นคนดำและทำพลง RnB เราก็ชอบแล้ว



Friday 13 December 2013

W8


หลังจากที่รอมานานก็ได้ฟังกันซะที กับซิงเกิลใหม่ของจีน กษิดิศที่มาพร้อมกันกับตัว MV รอกันสมชื่อเลยทีนี้ เพราะแทร็คนี้มีชื่อว่ารอ หรือจะเขียนแบบเก๋ไก๋ได้อีกแบบว่า W8 (อ่านออกเสียงว่า wait) ดูสิ เก๋ไก๋สมกับที่เป็นเพลงของตัวแม่จริงๆ



ตัวเพลงนั้นไม่มีอะไรให้ติเลย เป็นเพลงช้าที่ไม่ช้ามาก ดนตรียังคงเป็น electro-pop ในแบบที่จีนถนัด ในส่วนของเนื้อหาค่อนข้างเป็นความรักในมุมบวก พูดถึงการรอคอยคนบางคนที่ยังไม่หายดีจากอาการช้ำรัก รอวันที่เขาพร้อมที่จะจับมือและก้าวไปในวันใหม่ด้วยกัน เป็นเพลงรอรักอย่างมีความหวัง ไม่โวยวายฟูมฟาย อาจจะมีตัดพ้อด้วยความน้อยใจบ้างเล็กๆตามประสาหญิงที่มีจริต สรุปว่าฟังแล้วน่าจะชุ่มชื่นหัวใจเป็นอย่างดี

สำหรับตัว MV จะไม่พูดถึงก็จะกระไรเลย ได้ดาราระดับนางเอกแม่เหล็กอย่างชมพู่มาเล่นให้จะข้ามไปได้ยังไงกัน MV ตัวนี้ก็ยังคงเป็นฝีมือของผู้กำกับคู่บุญอย่างอาร์ท อารยา ซึ่งเราไม่เข้าใจว่าชีเป็นสไตลิสท์แล้วจะมากำกับ MV อะไรเหรอ แต่ก็นั่นแหละ มันเลยกลายเป็นการโชว์ฝีมือสไตลิ่งของนางไปโดยปริยาย ชมพู่และนักแสดงประกอบชายมาในชุดแปลกๆประหนึ่งว่ายกกองไปถ่ายแฟชั่นเซ็ทให้แพรวที่ทะเลแถบอันดามันที่ไหนสักที่ มีทั้งชุดดำเรียบๆเหมือนเสื้อซับใน มีทั้งชุดหรูหรากรุยกรายประดับขนนกเพิ่มบนกบาล หนักๆเข้ามีหางนางเงือกด้วยเว้ย ดูไปงงไปว่ามันเกี่ยวกับการรอใครสักคนให้ลืมอดีตและรับรักเราตรงไหน (วะแม่ง) ท้ายสุดยิ่งเด็ด หักมุมโดยการให้ทุกอย่างเป็นเพียงแค่การหลับฝันไปของชมพู่ แถมพวกผู้ชายที่เห็นในฝันแต่กี้ก็คือเพื่อนสาวหล่อล่ำหุ่นดีของนาง ที่ยกพวกมาเที่ยวทะเลกันกับพี่จีน ใช้เสียงพากย์ทับแบบไม่ซิงค์กับปากด้วยนะ เห็นชัดเจนว่าปากงับไม่ตรงคำเลย เสียงพากย์ออกสาวอีกตะหาก โอยย ตายๆๆ เพลงดีมากแต่ MV ไม่เอาอ่าวเลยจริงๆ

สรุปคือรออัลบั้มเต็มออก จะไม่หวังอะไรกับวิดิโอแฟชั่นประกอบเพลงอีกแล้ว 


Thursday 12 December 2013

AYER - Circle Down


วันนี้มีงานใหม่จากนักร้องหนุ่มที่ก็หน้าใหม่อีกเช่นกันจะมาแนะนำให้ฟัง เขาคือ AYER และเป็นแทร็คเดบิวท์ของเขาเลย กับซิงเกิลที่ชื่อว่า Circle Down การทำงานชิ้นนี้เกิดขึ้นร่วมกับโพรดิวเซอร์อีกคนนึงที่ชื่อ Micky Valen และด้วยดนตรีสไตล์ synth แบบย้อนยุคที่ไปด้วยกันได้ดีกับเสียงแหลมแต่เซ็กซี่ของเขาทำให้เพลงน่าจดจำเป็นอย่างมากเลย

จำได้ว่าแชร์เพลงนี้ใน Twitter ตั้งแต่วันแรกๆที่ได้ลองฟัง หลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน AYER ก็มาเห็นเข้าและกด favourite แถม follow เสร็จสรรพเลย ถึงแม้ว่าจะอ่านภาษาไทยไม่ออกก็ตาม ให้มันได้ยังงี้ รับรองเลยว่าเราจะติดตามผลงานของนายต่อไป และจะเขียนเชียร์ให้ด้วยนะ จุ๊บๆ






ผ่านมาเกือบครึ่งปี MV ออกมาให้ชมแล้ว


หลังจากที่ Again แทร็คโปรดของเราที่เป็นผลงานจาก Stimmhalt ได้ออกมาให้ได้ยินได้ฟังเป็นครั้งแรกเมื่อช่วงกลางปี มาวันนี้เวลาก็ล่วงมาเกือบจะครบครึ่งปีอยู่รอมร่อ MV จึงมีออกมาให้ได้ชมกัน ไม่เคยคิดว่าจะมี เลยไม่เคยคาดหวังว่าจะเจอความแปลกใหม่อะไรมากนัก ประหลาดใจแค่อย่างเดียวตรงที่เจ้าตัวแสดงเองด้วยเนี่ยแหละ ลำพังตัวเพลงเองทรงพลังและดีมากพอที่จะไม่ต้องไปให้ความใส่ใจกับตัว MV มากนัก เรียกว่าดูกันไปแบบขำๆ ฟังเพลงเอามันดีกว่า




Monday 23 September 2013

Can't Get Enough ... really!


ทันทีที่ได้ฟังแค่ไม่ถึงสิบวินาที เราก็บอกตัวเองได้เลยว่าไม่มีวันพอ แค่ขึ้นมาก็รู้แล้วว่าแทร็คนี้ขายสุดๆ Can't Get Enough สมชื่อมากๆอะ งานชิ้นนี้เป็นโปรเจ็คที่ทำแยกออกมาของ Johnny Castro ที่อยู่กับ Parachute Youth สำหรับโปรเจ็คส่วนตัวนี้เลยตั้งชื่อว่า Yeah Boy




ตัวงานเป็นอิเล็คทรอนิคส์ แต่มีส่วนผสมของทั้งเฮ้าส์และ synth-pop อยู่ด้วย ฟังแล้วรู้ได้ชัดเจนว่ามันมีความป็อบอยู่ในตัวค่อนข้างเยอะ ฟังไปเพลินๆก็อดรู้สึกไม่ได้ว่ายังแฝงความเป็นดิสโก้เอาไว้ตามซอกมุมเล็กๆซะด้วยนะ สำหรับงานเดบิวท์เดี่ยวนี้ จะออกมาขายในวันที่ 27 เดือนหน้านี้ละ ติดตามกันได้


Sunday 22 September 2013

Be Happy With Me?




มามีความสุขกับฉันมั้ยละ นี่คงเป็นสิ่งที่ดูโอ้คู่นี้ในนามของ Holychild กำลังอยากจะบอกกับพวกเรา หลังจากที่ได้ฟังงานป็อบจังหวะมันๆของพวกเขา ไลน์กลองหนึบหนับดีนะ เราชอบ สมาชิกของวงประกอบด้วย Liz Nistico และพ่อหนุ่ม Louie Diller สำหรับงานชิ้นนี้เป็น ecstatic pop ด้วยจังหวะกลองที่สนุกสนานและการเดินเบสแบบแน่นหนึบ ทำให้เพลงสนุกอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่องค์ประกอบอื่นและเสียงร้องก็เรียบๆ ไม่ได้หวือหวามากอะไร แต่หลังจากที่ฟังแล้วบอกได้เลยว่าเราจะจับตาดูพวกนายต่อไป


Saturday 21 September 2013

สุดสวิง Ringo


เพิ่งไปเจองานเก่าเก็บมาตัวนึง มันเป็นงานที่ Joris Voorn เคยเล่นไว้เมื่อปีกว่ามาแล้วในปาร์ตี้วันเกิดของเขา กับ Ringo งาน downtempo ดีๆที่มีจังหวะจะโคนพอให้โยกตามกันได้แบบเบาๆ ครั้งแรกที่เห็นแถบคอมเมนท์แล้วต้องตกใจ เพราะไม่มีที่จะให้แทรกเลย คนมาเมนท์กันยาวเหยียดแทบไม่มีที่ว่าง เป็นการการันตีได้ว่าของเขาดีจริง




Dillon Francis - Without You ft. T.E.E.D. [Official Music Video]



อ๊ะ นี่ก็อีกตัวที่มี mv ออกมาให้ชมกันสดๆซิงๆไม่กี่วันก่อน กับ Without You งาน feat. ชั้นดีระหว่าง Dillon Francis และ Totally Enormous Extinct Dinosaurs แทร็คนี้ต้องขอบอกว่าแนะนำจริงๆเลยทีเดียวเชียวจะจ๊ะ


Bondax - Giving It All (Official Music Video)


ออกมาให้ได้ชมกันสักพักแล้ว กับ Giving It All จาก Bondax แต่ลืมเอามาให้ดู ฮ่าๆ โทษทีนะเด้อ ตัว mv น่าติดตามดี เป็นเรื่องราวของสองหนุ่มสาว ผู้ชายหน้าคมหล่อเหลาทีเดียว สเป็คมาก ส่วนสาวก็หุ่นอวบอั๋นพันธุ์เนื้อนมไข่จริงๆ โอเค ไม่ต้องพูดกันให้มากความ ไปชมกันเลย



ป.ล. รองเท้า Puma สีชมพูหนังกลับคู่นั้นของสาวเจ้าสวยมาก


Friday 20 September 2013

บางทีก็ลืมบ้างอะไรบ้าง


การอัพบล็อกรอบนี้เป็นอะไรที่เฉพาะกิจจริงๆ เกิดจากความบังเอิญที่ไปเจอเข้าว่าช่วงสองเดือนที่แล้ว Yuna ได้ออก EP ที่ชื่อว่า the SIXTH STREET มา และในนั้นก็มีเพลงที่ชื่อ I Wanna Go อยู่ด้วย เพลงนี้เด่นที่จังหวะกลอง ออกแนวแอฟริกันหน่อยๆ ส่วนน้ำเสียงและเนื้อหาก็ยังโดดเด่นคมชัดเหมือนเดิมละ


อย่าเพิ่งคิดว่าจะมีแค่แทร็คเดียวนะ เพราะเราไปเจองานที่ Yuna ไป feat. กับ Lincoln Jesser มาด้วย เป็นงานอิเล็คทรอนิคส์ป็อบที่แสนจะติดหู มีชื่อว่า In My Dreams คือแค่โน้ตขึ้นมาสามตัวเราก็รู้แล้วว่ามันจะต้องเข้ากับเสียงของ Yuna มากแน่ๆ และไม่ผิดหวังเลยจริงๆ


เรียกว่าเอามาให้ฟังเป็นการเรียกน้ำย่อยรออัลบั้มเต็มออกแล้วกันนะ Nocturnal จะออกวีคหน้านี้แล้ว ส่วนเพลงที่เอามาให้ฟังกันในวันนี้ก็หาซื้อได้ที่ iTunes เจ้าเก่าอย่างเคย


Monday 16 September 2013

Campo


หลังจากที่ออกอัลบั้ม Anything In Return กับ Carpark Records มาเมื่อต้นปี Chaz Bundick หรือที่เรารู้จักกันในนาม Toro Y Moi ก็มีซิงเกิลใหม่ที่ออกมาต้อนรับการทัวร์ในอเมริกาช่วงใบไม้ร่วงนี้แล้ว ตัวงานเป็น soul ผสมกับ synth-pop และมันคงจะไม่ผิดใช่มั้ย ที่เราจะใช้คำซ้ำๆประเภทว่า ลงตัว กลมกลืน กลมกล่อม ก็เพราะมันเป็นแบบนั้นจริงๆ สำหรับใครที่ยังไม่เคยติดตามผลงานของเขามาก่อน ก็ลองไปเช็คดูใน iTunes ได้นะ




Sunday 15 September 2013

Here With Me


ความจริงเพลงนี้ออกมาได้ราวเดือนเศษๆแล้ว แต่เราเพิ่งไปเจอมาโดยบังเอิญ เป็นส่วนผสมที่ลงตัวสุดๆระหว่างงานอิเล็คทรอนิคส์และงานอาร์แอนด์บี จริงๆก็มีโซลด้วยเหมือนกัน งานนี้มาจากค่าย Soulection ส่วนผลงานนั้นเป็นของ North นอกจากนั้นแล้วเราก็ยังไม่รู้ข้อมูลอะไรเท่าไหร่ รู้อย่างเดียวแค่เพลงมันเท่มาก ... ก็เท่านั้น




Saturday 14 September 2013

หนุ่มพื้นบ้านกับเพลงโฟล์คแสนสะอาด


วันนี้มีหนุ่มพื้นบ้านคนนึงจะมาแนะนำให้รู้จักค่ะ เขามาจากเมืองเดียวกับสาวคนเมื่อวาน เมือง Norwich ในอังกฤษ หนุ่มคนนี้มีชื่อว่า Jim Smith ออกผลงานในนามว่า Floorboy งานของเขาเป็นแนวโฟล์คใสสะอาด ฟังแล้วได้อารมณ์อังกฤษสุดๆ สดใสก็จริงแต่ติดปลายหม่นนิดๆ จนถึงความหลอนเล็กๆที่อาจจะเป็นเราคนเดียวก็ได้ที่รู้สึกไปเอง นับว่าเป็นเสน่ห์อย่างนึงของดนตรีจากประเทศนี้จริงๆเลยนะเนี่ย

สำหรับแทร็คที่อยากแนะนำให้ลองฟังกันก็คือ Yellow Roses ความสดใจผสมกับความหม่นเล็กๆพอน่ารัก

หรือใครที่ชอบหม่นจัดเลยก็ต้องลองฟัง War ดู หม่นมาตั้งแต่ชื่อเลยมั้ยละ

ถ้าอยากจะเพิ่มซาวด์หลอนๆเข้าไปก็คงต้องเป็น I Only Feel Younger แหละ

แต่ใครที่ชอบแนวหวานใสสไตล์เพลงรัก ให้เลือกฟัง Tea & Toast ก็เหมาะกันดี

และท้ายสุด ถ้าอยากซึมซับความซึมเศร้าเฉื่อยช้าแบบเพลงคู่ เห็นจะหนีไม่พ้น River's End ที่ต้องลองฟังกันดู



Single แรกจากอัลบั้ม Satellite Love มาแล้ว


เกือบสองเดือนแล้วที่เราอัพเดทข่าวคราวให้ทราบกันว่าสาว Giovanca กำลังจะคลอดอัลบั้มใหม่ที่มีชื่อว่า Sattelite Love ตอนนี้ซิงเกิลแรกในอัลบั้มก็ถูกปล่อยออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แทร็คนี้มีชื่อว่า How Does It Feel มาพร้อมกับตัว MV เลยทีเดียว เพิ่งอัพกันสดๆร้อนๆวันนี้


สไตล์เพลงยังคงความเป็น neo-soul เหมือนเดิม ประกอบกับเสียงอุ่นๆของสาวเจ้า ฟังแล้วเบาสบายหัวมากเลย เรียกว่าการกลับมาคราวนี้ไม่ผิดหวังจริงๆ


Friday 13 September 2013

สาว | เสียง | สวย


ก็ตามที่จั่วหัวไว้นั่นแหละ วันนี้มีสาวเสียงสวยจะมาแนะนำให้ลองฟังงานของเธอกัน แต่ก่อนอื่นเลยต้องสารภาพว่าเรายังรู้จักเธอไม่มากเท่าไหร่ เท่าที่รู้ตอนนี้คือเธอชื่อ Alice Rayner มาจากอังกฤษกับกีต้าร์หนึ่งตัว หากแต่เสียงของเธอติดตรึงในโสตประสาทเราจนละทิ้งมันไปไม่ได้ เลยอยากรีบแนะนำให้ฟังกันก่อนที่เราจะไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเธอ เพื่อให้เราและคุณได้รู้จักเธอดีขึ้นกว่านี้




Thursday 12 September 2013

Can you feel the heat?


ถ้าจะยังจำกันได้ มีครั้งนึงที่เราเคยพร่ำเพ้อถึงงาน electronic soul ที่น่าจับตา เป็นงานจาก Jungle และวันนี้พวกเขากลับมาแล้วกับซิงเกิลใหม่ที่มีชื่อว่า The Heat ด้วยจังหวะที่เร่งเร้ามากขึ้น จะปลุกความเร่าร้อนในตัวคุณได้เป็นอย่างดี เราชอบเสียงหวอรถตำรวจที่ใส่เข้ามามากเลยนะ มันมีส่วนช่วยทำให้อะดรีนาลีนสูบฉีดดีทีเดียวละ และสุ้มเสียงแบบ black voice ก็เซ็กซี่ซะจนแทบทนไม่ไหวเลยทีเดียว




Wednesday 11 September 2013

Mirror Signal - Broken Soldier EP


วันนี้มีงานใหม่มาฝากกันอีกแล้ว กับเดบิวท์ EP ของ Mirror Signal หรือที่รู้จักกันในชื่อจริงว่า Steven Barker สำหรับ EP นี้ก็ถือเป็นงานชุดแรกของเขาเลยทีเดียว ด้วยสไตล์งานที่ผสมผสานระหว่าง acid jazz, soul, hip hop และ folk เข้าไว้ด้วยกัน


เริ่มที่แทร็คแรกที่เราได้ลองฟัง มีชื่อเดียวกับ EP เลยว่า Broken Soldier แค่ฟังดนตรีก็รู้เลยว่าเป็นการผสมผสานระหว่าง acid jazz และ soul อย่างที่ว่าไว้จริงๆ ด้วยท่วงทำนองที่คุ้นเคยดีของ acid jazz บวกกับวิธีการร้องแบบ soul เรียกได้ว่าทุกอย่างลงตัวเป๊ะ


อีกแทร็คที่อยากจะแนะนำก็คือ I've Changed My Signature ที่ดนตรีเข้มข้นไปในทาง hip hop มากขึ้น แต่วิธีการร้องและเสียงประสานยังคงเป็น soul เหมือนเดิม สำหรับแทร็คนี้พูดได้เลยว่าใครที่ติดใจเพลง hip hop ช้าๆแบบเท่ๆ จะต้องชอบมันได้ไม่ยากเลยละ

ไม่แน่ใจว่าเสียงของพ่อหนุ่มคนนี้จะจัดเป็น black voice ได้มั้ย แต่คิดว่าน่าจะได้ละกัน เพราะเราก็ชอบเสียงของเขาเอาการอยู่ เป็นเสียงที่แหบนิดๆแต่มีเสน่ห์เหลือร้ายเลยละ


กลิ่นอายคล้ายๆกัน




เคยฟังงานของวงไหนแล้วทำให้นึกถึงอีกวงนึงหรือเปล่า Coasts ทำให้เรารู้สึกแบบนั้น กับงานล่าสุด Stay ที่ปล่อยออกมาเมื่อไม่กี่วันก่อน ทันทีที่ได้ฟังก็อดนึกถึง Last Dinosaurs ไม่ได้ มีกลิ่นอายที่เหมือนกันอยู่ไม่น้อย ทำให้เราชอบทั้งคู่ซะด้วยสิ และเหมือนอย่างเคย ที่เราจะต้องติดตามความคืบหน้าของพวกเขาต่อไป


Tuesday 10 September 2013

Eyes For You


งาน EDM จัดว่าเป็นแนวเพลงนึงที่มักจะมีการผสมผสานอยู่เสมอ มีการจับนั่นมาชนนี่ จับนี่ไปผสมโน่น ออกมาแล้วก็ดูกลมกล่อมลงตัวกันดี เหมือนการทดลองยังไงยังงั้นเลย

ครั้งนี้ก็เป็นอีกหนที่จะแนะนำเพลงที่เข้าข่ายนี้ให้รู้จักกันไว้ Eyes For You เกิดมาจากการทำงานร่วมกันระหว่าง Steffaloo นักร้องสาวเสียงเย็นแปลก กับ Chrome Sparks (คนอะไรวะ ชื่อเป็นเวบบราวเซอร์สองตัวเลยอะ) โครงหลักของงานจะเป็น chill house ผสมผสานกับ synth-pop ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทำออกมาได้กลมกลืนกันดีมาก ด้วยเส้นเสียงเย็นๆที่เป็นเอกลักษณ์ของงาน chill house แล้ว รายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ดังกรุ๋งกริ๋ง ก็ยังมีส่วนเติมแต้มให้แทร็คนี้ดูน่ารักขึ้นด้วย




Monday 9 September 2013

I can tell by the way you move, baby!


ข้างบนนี้คงเป็นประโยคที่ใครหลายคนกำลังรอที่จะพูดมันให้ใครสักคนฟังนะ ถึงเวลาแล้วที่จะมาแนะนำงานเฮ้าส์น่าสนใจที่เพิ่งประสบพบเจอมา



I Can Tell (By The Way You Move) จาก George Fitzgerald จัดว่าเป็นงานเฮ้าส์ที่น่าจับตามองอย่างมากงานนึงเลยในช่วงนี้ ส่วนตัวคิดว่าเป็นงานเฮ้าส์ที่ฟังง่าย ติดหูเอาการเลยแหละ อีกทั้งเนื้อหาก็เหมาะที่จะเปิดในคลับซะขนาดนี้ เรียกว่าเป็นเพลงที่เกิดมาเพื่อเป็น EDM ซะนี่กะไร


Sunday 8 September 2013

อ้อมกอดของ Hayden James


หลังจากที่เคยฝากความประทับใจกับ Permission To Love ไว้อย่างยิ่งยวดแล้ว พ่อ Hayden James ก็ปล่อยเพลงถัดมาเพื่อกระแทกใจสาวๆกันอีกครั้ง Embrace เป็นงาน chill house ที่เท่เหลือใจแต่ฟังสบายตามสไตล์ของงานประเภทนี้ ฟังแล้วได้ฟีลเย็นๆชิลๆสมชื่อเลยแหละ ยิ่งฟังก็ยิ่งตอกย้ำว่าเราตกหลุมรักเข้าแล้วสินะ



ป.ล. หาโหลดฟังกันได้ทั้งอัลบั้มแล้ววันนี้


Saturday 7 September 2013

Fake Your Dreams


อยู่ๆเราก็เกิดอาการเบลอขึ้นมาซะงั้น จำไม่ได้เลยว่าเคยไปโหลด (แบบถูกลิขสิทธิ์) แทร็ค Fake Your Dreams จาก Ain't No Love มาเมื่อไหร่ แถมจำได้ด้วยว่าวงนี้เป็นวงคนขาวผสมคนดำ นึกให้ตายยังไงก็นึกไม่ออกว่าเคยไปได้อ่านได้เห็นเรื่องราวอะไรของวงนี้มาแต่ไหน เพิ่งเมื่อกี้นี้เลยที่เห็นว่า official MV ออกมาแล้ว ก็เลยนึกได้ว่าเรามีเพลงนี้ใน playlist นี่หว่า สรุปออกมาแบบงงๆก่งก๊งนี่แหละ เชิญลองชมลองฟังกันเอาเองว่าจะโดนใจหรือเปล่า




Friday 6 September 2013

งานใหม่ของ Yuna มาแล้ว


หลังจากที่ว่างเว้นจากการอัพเดทข่าวสารกันมาได้สักพักใหญ่ เราก็ขอกลับมานำเสนอความเคลื่อนไหวของนักร้องสาวสุดเก๋จากประเทศเพื่อนบ้านเรา ที่ไปได้ดิบได้ดีไกลถึงอเมริกา จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Yuna สาวมาเลย์นั่นเอง วันนี้เรามี 2 ซิงเกิลที่ถูกปล่อยออกมาเรียกน้ำย่อยมาฝากกัน เป็นงานจากอัลบั้มใหม่ที่มีชื่อว่า Nocturnal ซึ่งมีคิวจะออกวางจำหน่ายในวันที่ 29 เดือนหน้านี้เอง แต่อัลบั้มนี้จะวางขายทั่วโลกเลยหรือเปล่าตอนนี้ยังไม่รู้แน่ชัด ไว้เราจะติดตามเอาข่าวคราวมาบอกกันอีกที

กลับมาต่อกันที่งานเพลงของเธอดีกว่า ซิงเกิลแรกที่จะขอพูดถึงก่อนเลยก็คือ Falling ตั้งแต่อินโทรแล้ว ที่ทำให้เรารู้สึกคุ้นหูกับจังหวะประมาณนี้ สุ้มเสียงประมาณนี้ นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินมาจากไหน แต่รู้สึกดีกับมันมาก เป็นท่วงทำนองที่คุ้นเคย ตัวเพลงเป็นป็อบที่มีส่วนผสมของอิเล็คทรอนิคส์อย่างพอดิบพอดี


ซิงเกิลถัดมามีชื่อว่า Rescue ตัวเพลงยังคงเป็นแนวป็อบผสมอิเล็คทรอนิคส์เหมือนเดิม แต่วิธีการร้องและเสียงประสานทำให้เรานึกถึงวงป็อบจากสแกนดิเนเวียอย่าง Ace of Base ถึงแม้จะไม่มีเสียงผู้ชายในไลน์ประสานก็เหอะ นอกจากนี้เสียงประสานบางช่วงก็มีส่วนคล้ายกับ world music อยู่เหมือนกัน


สรุปเลยกับทั้งสองเพลงนี้ เบนซ์ให้ผ่านค่ะ ยังไงก็แล้วแต่ก็คงจะต้องรอดูกันต่อไปว่าแทร็คอื่นๆที่จะถูกปล่อยตามออกมาจะเป็นยังไงบ้าง ส่วนตัวเชื่อว่า Yuna จะไม่ทำให้เราผิดหวังแน่ๆ


Thursday 15 August 2013

เปล่า ... ไม่ได้เป็นอะไร



มิวสิควิดิโอตัวล่าสุดของโปรเจ็คอัลบั้มร็อกมโหรีก็ออกมากันแล้ว กับเพลงเปล่า ไม่ได้เป็นอะไร ของวง The Morning Glory เป็นงานโพรเกรสซีฟร็อกแบบผสมผสานกับทำนองลาวกระทบไม้ที่คุ้นเคยกันดี นอกจากที่จะได้นักเขียนเพลงมือทองอย่างพี่ดี้ นิติพงษ์มาเขียนเนื้อให้แล้ว ความน่าสนใจอีกอย่างนอกเหนือไปจากเนื้อเพลงโดนๆฝีมือพี่ดี้ ก็คือการที่นำเอาเครื่องดนตรีสไตล์ไอริชมาผสมผสานลงไปในเพลงด้วย เช่น ปี่ไอริช uilleann pipe และ low whistle ขลุ่ยที่ให้เสียงทุ้มเศร้า เสียงบาดแหลมของปี่ไอริชเค้นอารมณ์ความเศร้าได้มากจริงๆ

และก็คงต้องพูดเหมือนอย่างที่เคยว่าเราแสนจะเสียดายที่โปรเจ็คร็อกมโหรีนี้ไม่ค่อยดังเท่าที่ควร ไม่รู้เป็นเพราะโปรโมทกันไม่หนักพอ หรือว่าไม่สามารถฝ่ากระแสอินดี้ค่ายเล็กค่ายน้อยออกไปได้ เราก็แอบหวังไว้ว่าจะมีใครคิดโปรเจ็คดีๆแบบนี้ออกมาประดับวงการเพลงบ้านเราอีก อย่างเพิ่งท้อกันซะก่อนละ


Wednesday 14 August 2013

เพราะโลกนี้ไม่ได้มีแต่ swedish pop


แต่มันยังมี swedish electropop ด้วยน่ะสิ พูดง่ายๆว่ามันคือการผสมผสานกันระหว่าง swedish pop ตามปกติและเพลงอิเล็คทรอนิคส์อย่างที่เราคุ้นเคยกันดี



งานชิ้นแรกที่ทำให้เรารู้จักกับ swedish electropop นี้ ก็คือ Pumping Blood จากทรีโอแดนนอร์เวย์อย่าง NONONO วงหนึ่งหญิงสองชายนี้กำลังเป็นที่น่าจับตาในแนวเพลงประเภทนี้เป็นอย่างมากเลยเชียวแหละ


Tuesday 13 August 2013

Pop-Rock + Hip-Hop = Jakubi


แนวทางการผสมผสานดนตรีป็อบร็อคและฮิปฮอปเข้าไว้ด้วยกันนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นอะไรที่เราพบกันได้บ่อยทั้งวงการเพลงบ้านเราและทั่วไปตามสากล แต่ว่าการจะผสมมันออกมาให้กลมกล่อมลงตัวนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่เหมือนกัน วันนี้เราเลยจะมีตัวอย่างนึงมาให้ฟังกัน ว่าการผสมผสานป็อบร็อคและฮิปฮอปแบบดีๆเขาทำกันยังไง



ด้วยซิงเกิลแรกที่ปล่อยออกมาก่อนหน้านี้อย่าง Can't Afford It All ทำให้ Jakubi วงจากเมลเบิร์นวิ่งเข้ามาอยู่ในวงโคจรของเราอย่างรวดเร็ว ด้วยงานที่เหมือนจะธรรมดาแต่ไม่ธรรมดานี่แหละ ทำให้กลายเป็นที่น่าจดจำ มันเป็นงานเพลงป็อบร็อคผสมฮิปฮอปที่ทำออกมาได้อย่างลงตัว แนวเพลงป็อบร็อคที่แสนจะธรรมดา หรือแม้แต่ฮิปฮอปที่ก็ไม่ได้เป็นของแปลกใหม่อะไรนักหนาแล้วในยุคนี้ เมื่อรวมกันออกมากลับเข้ากันได้ดีและติดหูเอามากๆ แค่ขึ้นต้นมา 10 วินาทีก็ติดหูแล้วอะ



และแทร็คล่าสุดก็เช่นกัน Holiday เป็นอีกชิ้นนึงที่ช่วยพิสูจน์ให้เราประจักษ์แก่รูหูว่างานป็อบร็อคผสมฮิปฮอปชั้นดีมันเป็นแบบไหน เป็นการผสมผสานกันอย่างเรียบๆที่ไม่ดูพยายามซะเหลือเกินจนคนฟังรู้สึกแปลกๆ นี่แหละคือความรู้สึกที่สะท้อนว่าเป็นงานชั้นดี

มานึกๆดูแล้วก็พบว่าเราเขียนแนะนำงานจากออสเตรเลียเยอะเหมือนกันนะ ไม่ว่าจะ Yahtzel ในตอนที่แล้ว หรือ Snakadaktal แม้แต่ San Cisco และ Last Dinosaurs หรือ Hiatus Kaiyote ก็มาจากประเทศนี้ด้วย ไม่รู้จะเป็นเพราะเราเป็นศิษย์เก่าที่นี่หรือเปล่า หรือเพราะอะไรอย่างอื่น แต่ที่แน่ๆมันก็ทำให้เราและคุณได้รู้ว่าออสเตรเลียมีศิลปินที่เจ๋งๆอยู่มากมายเลยใช่มั้ยละ


คาบข่าวของสาว Giovanca มาบอก


ความคืบหน้าสำหรับ studio album ใหม่ที่ชื่อว่า Satellite Love ของสาว black voice เสียงสวยอย่าง Giovanca มาเสิร์ฟสดๆร้อนๆแล้วจ้า ลองไปติดตามดูกันว่าจะมีทีเด็ดอะไรบ้าง ที่แน่ๆขอบอกว่ามือกีตาร์แซ่บจริงไรจริง



Monday 12 August 2013

High with me!




เพียงแค่หลับตาฟัง สวรรค์ก็อยู่ไม่ไกล ภาพ psychedelic สีสันสวยงามลอยล่องเต็มตา สลับกับภาพของห้วงอวกาศหลากสี ความรู้สึกที่แสนจะผ่อนคลายแบบนี้สินะ ที่เขาเรียกว่าอาการ high มันทั้งเคลิ้ม ทั้งล่องลอย แทร็คใหม่จาก Yahtzel โดยฝีมือโพรดิวเซอร์ชาวออสเตรเลียอย่าง Max Urmata นี้ จะทำให้ให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ shroom trip อย่างแท้จริง

ป.ล. เราไม่สนับสนุนให้ใครลองยาเสพติดนะ


Sunday 11 August 2013

Dillon Francis - Without You ft. Totally Enormous Extinct Dinosaurs


งานอิเล็คทรอนิคส์ชิ้นนี้เป็นที่กล่าวขวัญกันไปทั่วในหมู่คนฟังเพลงเต้นรำ มียอดฟังถล่มทลายหลายแสนภายในไม่ถึงครึ่งเดือน แล้วมีเหรอที่เราจะพลาดไปได้



Without You เป็นการร่วมกันทำงานระหว่าง Dillon Francis โพรดิวเซอร์คนเก่ง และ Totally Enormous Extinct Dinosaurs ที่มาช่วยทำเนื้อและร้องให้ แทร็คนี้เลยผสมผสานออกมาแบบกำลังดีระหว่างอิเล็คทรอนิคส์และความป็อบ ที่เรารู้สึกว่ามีกลิ่นอายยุคดิสโก้แทรกมาเล็กๆด้วย ก็เลยยิ่งทำให้แทร็คนี้รู้สึกเป็นที่คุ้นเคยคุ้นหูได้โดยง่าย เรียกว่าเป็นงานอิเล็กทรอนิคส์ที่ฟังง่ายสำหรับมือใหม่หัดฟัง ใครที่อยากทดลองเพลงสายเต้นรำ แต่ไม่อยากเสี่ยงกับอะไรที่อาจจะเข้าใจไปไม่ถึง งานนี้เป็นตัวเริ่มที่ดีสำหรับคุณ


Saturday 10 August 2013

Neo-Safari และ Ep ของพวกเขา


อย่างที่รู้กันดีแล้วว่าในตอนนี้เพลงเต้นรำสไตล์ฟังสบายมีมู้ดและโทนชิลๆกำลังมาแรงเป็นที่สุด ต่อจากตอนที่แล้ว ก็เลยจะขอจัดกันต่ออีกหน่อยกับ Wave to You ซึ่งเป็น Ep ล่าสุดของ Neo-Safari ที่จะมาให้คุณเพลิดเพลินกับงานอิเล็คทรอนิคส์ที่แสนจะชิลในยามบ่ายวีคเอนด์อย่างนี้



แทร็คแรก Reflection ด้วยจังหวะที่เนิบช้า และเสียงของไซโลโฟนที่เหมือนทำมาจากแก้ว ทำให้เราเพลิดเพลินกับแทร็คนี้แบบสุดๆ รู้สึกเหมือนไปยืนอยู่ท่ามกลางน้ำพุ แล้วก็มีหยดน้ำเล็กๆพร่างพราวลงมาอย่างฉ่ำชื่น เป็นภาพสโลว์โมชั่นด้วยนะ



แทร็คต่อมาคือ Sunshine ที่นำเอาเพลงโปรดเราอย่าง My Girl ของ The Temptations มาใส่ไว้อย่างลงตัว อาจจะไม่ดูชิลเย็นอย่างแทร็คเมื่อกี้ แต่ก็น่าฟังไปอีกแบบ ด้วยจังหวะที่เร่งเร้ากว่า ชวนให้ขยับแข้งขยับขาออกกำลังกันแบบเบาๆ

ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่า Ep นี้จะมีแค่ 2 แทร็คแบบนี้ด้วนๆหรือว่าจะยังมีซิงเกิลใหม่ที่ปล่อยตามออกมาอีก เอาเป็นว่าต้องติดตามกันต่อไป


Friday 9 August 2013

deep house ยังคง in trend


ท่ามกลางตลาดแนวเพลงเต้นรำตอนนี้ deep house เป็นอีกหนึ่งแขนงที่จัดว่ายังคงมาแรงอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียว วันนี้ก็เลยจะขอแนะนำงานน่าสนใจจากโพรดิวเซอร์ฝั่งอังกฤษกันบ้าง กับ Pikcha และซิงเกิลล่าสุดของเขา Real ด้วยท่วงทำนองและคอรัสที่ติดหู น่าจะโดนใจคอเพลงแบบไม่ยาก





Tuesday 6 August 2013

จาก Groove Armada ถึง Nick Kech




หากจะพูดถึงศิลปินแนวเฮ้าส์ที่โด่งดังและเป็นที่ยอมรับในบ้านเรา ถ้าไม่พูดถึง Groove Armada ก็เหมือนจะผิดไปสักหน่อย ด้วยความที่ดูโอ้คู่นี้เป็นหัวหอกในวงการดนตรีเฮ้าส์มาเกือบ 20 ปีเข้าให้แล้ว และซิงเกิลที่เป็นที่รู้จักกันดีในบ้านเราก็คงหนีไม่พ้น My Friend ที่ออกมาในปี 2001 เป็นแทร็คที่ฮิตกันไปทั่วทุกหย่อมหญ้าสำหรับผู้พิศมัยดนตรีเต้นรำจริงๆ



มาวันนี้ Nick Kech นำมันกลับมามิกซ์ใหม่ในแนว nu-disco เรียกว่าเป็นการสืบสานวัฒนธรรมดนตรีเต้นรำก็คงจะไม่ผิดนัก จากดนตรีเฮ้าส์ในแบบฉบับที่คุ้นเคย กลายมาเป็นความเย็นในรูปแบบที่คุ้นหู (ดนตรีแนวไหนที่มันมีคำว่า nu ส่วนมากมันก็จะได้ฟีลเย็นๆแบบนี้แหละ) บวกกับวรรคทองของเพลงที่ว่า Whenever I'm down, I call on you my friend. ก็ทำให้ทุกอย่างมันลงตัวแบบเหมาะเจาะแบบที่ได้ยินกันนี้

และก็คงจะเป็นหน้าที่ของเราที่จะไปสืบสาวราวเรื่องกันต่อว่าพ่อ Nick Kech นี่เคยมีผลงานอะไรยังไงมาแล้วบ้าง ถ้าเจออะไรเด็ดๆ รับรองว่าจะเอามาบอกต่อกันแน่นอน


Monday 5 August 2013

The Weekend-XO


งานสไตล์ R&B ที่น่าสนใจออกมาให้ได้ฟังกันอีกแล้ว Love In The Sky เนื้อหาจัดจ้าน ดนตรีหนักแน่น เอฟเฟ็คเรียกอารมณ์แนวฝนฟ้าพายุก็มาเต็มจริงๆ พ่อหนุ่มที่ดูคล้ายๆนักร้อง R&B ผิวดำแต่มีลีลาน้ำเสียงคล้ายตาหยอย Justin คนนี้เป็นใคร เรายังไม่ทราบแน่ชัด ผ่านตาว่าเคย featuring กับ Drake มาแล้ว ก็คงไม่ใช่มูลๆแน่ ถึงตอนนี้จะยังไม่ชัวร์กับข้อมูลอื่นๆ แต่รับรองว่าจะตามไปทำการบ้านมาอย่างแน่นอน และจะเอามาบอกกันในโอกาสต่อไป

Sunday 4 August 2013

Carousel จะขยันไปไหนคะ


ออกงานใหม่กันมาอีกแล้ว แทร็คใหม่นี้ชื่อ Close My Eyes และแน่นอนว่าสองหนุ่มดีกรีดนตรีจาก Berkley ไม่เคยทำให้เราผิดหวัง อืมม ไม่มีอะไรจะพูดให้มากความแล้ว สั้นๆง่ายๆแบบนี้เลย ไปฟังเพลงกันดีกว่า




Saturday 3 August 2013

HAIM



สามศรีพี่น้องจาก LA มารวมตัวกันเป็น HAIM หรือก็คือนามสกุลของพวกเธอนั่นเอง กับซิงเกิลล่าสุดที่ปล่อยออกมาอย่าง The Wire งานอัลเทอร์เนทีฟร็อคแบบนี้ไม่ค่อยจะได้เห็นจากสาวๆเท่าไหร่ และนี่เป็นเหตุผลนึงที่ทำให้เราประทับใจในตัวพวกเธอ (นอกจากบุคลิกแล้ว) ถึงจะเป็นร็อคแต่ก็ไม่ได้หนักหน่วงมากไปจนผิดวิสัยหญิง งานยังแฝงลูกเล่นหลายๆอย่างที่สดใสและน่าสนใจ ทำให้เรารู้ได้เลยว่า HAIM ไม่ได้เป็นวงอัลเทอร์เนทีฟร็อคดาดๆแน่นอน


Friday 2 August 2013

คลอดแล้วจ้า


เดบิวท์อัลบั้ม 'Sleep In The Water' ของ Snakadaktal ออกมาให้โหลดสดๆร้อนๆแล้ววันนี้ ลองไปติดตามกันได้ ถ้าถูกใจก็โหลดมาฟังกันได้เลย




April Snow (หลอกตัวเอง)


ถ้าคุณอยู่เมืองไทย คุณเคยเจอหิมะในเดือนเมษายนมั้ย? ซิงเกิลล่าสุดจากวงอินดี้แห่งเชียงใหม่อย่าง Harmonica Sunrise จะสามารถช่วยคุณตอบคำถามนี้ได้เป็นอย่างดี


กับซิงเกิลใหม่นี้เป็นการร่วมงานกันกับหนึ่ง Sleeper 1 หรือที่บางคนจะรู้จักเขาในนามหนึ่ง Friday กลิ่นอายของดนตรีคำเมืองถูกลดทอนลงไปเยอะ สิ่งที่เข้ามาแทนที่กลับเป็นดนตรีอคูสติคป็อบแบบสะอาด เสริมเติมด้วยความเป็นบลูส์นิดๆพอให้เรารู้สึกได้ ในเรื่องการสื่ออารมณ์นั้นไม่ต้องพูดถึง เราเอาตัวเองการันตีให้เลยว่าวงนี้เป็นวงที่มือฝีมือยอดเยี่ยมมากในการสื่อความรู้สึกผ่านภาษาที่ใช้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่านักร้องนำอย่างชาซึ่งรับหน้าที่แต่งเพลงด้วยจะจบสายวิศวะ เนื้อเพลงของเขาละเมียดละไมส่งผ่านอารมณ์ได้ลึกซึ้งดีมาก เรื่องแบบนี้เด็กสายศิลป์หลายคนยังทำไม่ได้ละนะเนี่ย การเปรียบเทียบถึงความรักที่ฉาบฉวย เหมือนไม่เคยเกิดขึ้นจริงจังกับหิมะที่จะสามารถตกได้ในเดือนเมษา (ของบ้านเรา) นั้น เชื่อเลยว่าไม่ว่าคนไทยคนไหนฟังแล้วต้องเห็นภาพ ความรู้สึกของการหลอกตัวเอง การเข้าใจไปเองแบบนี้ ไม่ว่าใครก็คงจะเคยรู้สึกกันมาบ้าง และคงจะอินได้ไม่ยาก

ฟังแล้วก็อยากให้ Harmonica Sunrise ออกอัลบั้มเต็มมาซะที จะได้รีบพุ่งตัวไปซื้อเลยทีเดียวเชียว เดี๋ยวนี้งานเพลงไทยที่คุณภาพดีตรงใจเรามันหายากเหลือเกินแล้ว เมื่อมีวงดีๆแบบนี้ออกมาก็จะขอสนับสนุนกันเต็มที่ไปเลย


Wednesday 31 July 2013

Incredible - Brice Fox [Official Lyrics Video]


ไม่ได้อัพบล็อกมาติดต่อกันหลายวันพอสมควร เนื่องจากไม่ค่อยมีงานอะไรน่าสนใจออกใหม่เท่าไหร่เลย มันอาจจะน่าสนใจสำหรับคนอื่นก็ได้มั้ง แต่ยังไม่ใช่สำหรับเรา ส่วนเรื่องที่ตั้งใจว่าจะเขียนก็ยังแอบหมักดองไว้เล็กน้อย แต่เหลือไม่เยอะแล้วละ จะทยอยเข็นออกมาให้อ่านกันแน่นอนในเร็ววันนี้


เอาเป็นว่ามาดูความคืบหน้าเล็กน้อยจาก Brice Fox แล้วกัน ที่ตอนนี้มี official lyrics video ออกมาให้ได้ชมกันกับแทร็ค Incredible ฟังเพลินดูเพลินตามสไตล์เพลงป็อบเลยเชียวละ สำหรับใครที่เพิ่งได้มาอ่านตอนนี้เป็นครั้งแรก ก็ย้อนกลับไปฟังงานอื่นของเขาได้นะ กับอัลบั้ม Okay, Hello. ที่เขียนถึงเอาไว้



Saturday 27 July 2013

Does anybody know the way to Atlantis?


ประโยคคำถามนี้คงจะเป็นที่คุ้นเคยกันดีสำหรับนักฟังเพลง เพราะ Gregg Alexander แห่ง New Radicals และ Mady Moore เคยถามมันเอาไว้เมื่อหลายปีมาแล้วในเพลง Someday We'll Know แล้วใครละที่จะบอกทางไปยังดินแดนลึกลับที่ชื่อว่าแอทแลนติสได้


Postiljonen ทำให้เราค้นพบกับดินแดนลึกลับนี้ กับซิงเกิลล่าสุดของพวกเขา Atlantis วงทรีโอจากสวีเดนวงนี้ทำงานเพลงในรูปแบบ dream pop ที่จัดว่ามีพื้นฐานมาจากดนตรีอิเล็คทรอนิคส์นั่นเอง แต่พวกเขาเอาเสียงแซ็กโซโฟนที่เล่นในสไตล์ป็อบแจ๊สมาใส่ไว้ในงานชิ้นนี้ด้วย ทำให้เพลงมีรสชาติของความเป็นป็อบแจ๊สผสมอยู่ บวกกับพื้นฐานของ dream pop ที่ดนตรีจะล่องลอย ชวนฝัน ทำให้ได้ความรู้สึกเหมือนตีตั๋วไปยังแอทแลนติสซะจริงๆ

สำหรับแทร็คนี้จะอยู่ในอัลบั้มใหม่ของพวกเขา ซึ่งก็คือ Skyer และก็แน่นอนว่าเราจะจับตาดูผลงานของพวกเขาต่อไป เพราะเชื่อเหลือเกินว่าจะต้องมีอะไรดีๆออกมาอีกอย่างแน่นอน

ป.ล. ถ้าใครชอบงานเพลงสไตล์นี้ลองติดตาม Washed Out ดู จะได้รสชาติคล้ายๆกัน


Friday 26 July 2013

Cro กับงานแนวใหม่ที่เรียกว่า Raop


หนุ่มเยอรมันนามว่า Carlo Waibel เป็นทั้งนักร้อง แรพเพอร์ โพรดิวเซอร์ ดีไซเนอร์ มากับงานเพลงแนวใหม่ที่เป็นส่วนผสมของป็อบและแรพ เขาให้ชื่อมันว่า Raop (อ่านออกเสียงว่า เร-ออพ) ซึ่งตอนนี้เขาอยู่ภายใต้สังกัด Chimperator จุดเด่นอีกอย่างนึงของเขานอกจากผลงานแล้ว ก็เห็นจะเป็นการไม่เปิดเผยหน้าตาของตัวเองนี่ละ เขามักจะสวมหน้ากากยางรูปแพนด้าไว้เสมอ ความจริงเราก็ไม่แน่ใจว่านั่นคือตัวเขาหรือเปล่าหรือเป็นแค่พระเอกมิวสิควิดิโอที่จะต้องปรากฎตัวในทุกเพลง แต่เอาเป็นว่าผู้ชายภายใต้หน้ากากแพนด้าถือเป็นไอคอนของเขาก็แล้วกัน


งานเพลงชิ้นแรกของเขาที่เรารู้จักก็คือ Einmal um die Welt แน่นอนว่าเราฟังไม่ออกแม้แต่นิดเดียว ซึ่งมันเป็นข้อดีในความรู้สึกของเรานะ เพราะมันทำให้เราได้พิจารณากับดนตรีอย่างจริงจัง มากกว่าที่จะสนใจความหมายของเนื้อหา สำหรับแทร็คนี้ต้องบอกว่ามีความเป็นป็อบค่อนข้างสูงเลยละ เป็นป็อบแนวอินดี้แบบที่พบได้ทั่วไป แต่เรารู้สึกว่าเขาทำออกมาได้ติดหูดีนะ


จากงานชิ้นแรกที่รู้จัก ทำให้เราต้องย้อนไปหางานเก่ามาฟัง เริ่มจากงานเมื่อปี 2011 อย่าง Easy ที่มีดีกรีความเป็นแรพสูง แต่ก็ไม่ได้เป็นการแรพแนวก่นด่าสังคมหรืออะไรดาร์คๆขนาดนั้นนะ ยังเป็นงานแรพแบบโลกสว่างอยู่ ไว้ใจได้สำหรับใครที่ไม่ชอบแรพที่มันฮาร์ดคอร์จนเกินไป


ความจริงแล้วงานเพลงที่มีส่วนผสมระหว่างป็อบและแรพก็มีให้เห็นกันมานานแล้ว เพียงแต่ไม่ได้มีใครสนใจที่จะไปขนานนามให้กับมัน หรือปลุกปั้นมันอย่างจริงจังจนกลายเป็นแนวใหม่ขึ้นมา เราก็เพิ่งจะมาเห็นจาก Cro นี่แหละ และเขาก็เคลมว่าตัวเองเป็นราชาแห่งเรออพซะด้วยสิ ถึงเราจะชอบงานของเขาไม่เบา แต่เราก็ยังไม่ด่วนเชื่อนะ ขอเวลาตัดสินในงานชุดหน้าก็ละกัน


Bad again!


ไม่กี่วันมานี้ เราได้เห็นว่า Wale ออก Bad ในเวอร์ชั่นใหม่มา เป็นเวอร์ชั่นที่ทำออกมาร่วมกับ Rihanna ซึ่งก็เป็นไปตามคาด เสียงสไตล์เป็ดห่านของนางยังคงพบได้ในซิงเกิลนี้ ตัวเพลงเรียบเรียงไม่ต่างจากเดิมมากเท่าไหร่ คือมันต่างแหละ แต่ไม่ได้ต่างมากจนพลิกโฉมไปเลยอะไรแบบนั้น เท่าที่ฟังเสียงตอบรับก็มีทั้งติและชมปนกันไป ส่วนตัวยังคงชอบเวอร์ชั่นเดิมที่ Tiara Thomas ร้องไว้มากกว่า มันดูเศร้าหม่นกว่า กินใจไปกับความหมายของเพลงมากกว่าเวอร์ชั่นยัยห่าน เอาเป็นว่าลองฟังดูแล้วกันว่าจะชอบหรือเปล่า





Thursday 25 July 2013

I'm from Barcelona


อย่างที่หลายๆคนรู้กันดีว่าเราหันมาติดตามงานสวีดิชป็อบเมื่อไม่กี่ปีให้หลังมานี้เอง และเราก็หลงรักมันหัวปักหัวปำเลยแหละ มันน่าแปลกมากที่เราจะรู้สึกถึงแรงดึงดูดอะไรบางอย่างของมัน คล้ายๆกับว่าเป็นสัมผัสที่หกที่ส่งผ่านมาถึงเรา อย่างเช่นเมื่อกลางปี 2011 เราเห็นรุ่นพี่ที่รู้จักกันคนนึงแชร์เพลงไว้ในเฟซบุค พี่คนนี้เขาไปเรียนด้านอาร์ทที่สวีเดน และด้วยสัมผัสลึกลับบางอย่างที่ส่งถึงเรา ก็ทำให้เราได้มารู้จักวงสวีดิชป็อบที่มีสมาชิกมากถึง 29 ชีวิตอย่าง I'm from Barcelona นี้


สำหรับแทร็คแรกที่ทำให้ได้รู้จักกันก็คือ Always Spring ซึ่งเป็นซิงเกิลที่ออกมาใหม่ในช่วงเวลานั้น เรียกว่าได้ฟังกันแบบใหม่ๆซิงๆเลยทีเดียว และด้วยดนตรีที่สดใสรับกับชื่อเพลง ฟังแล้วชอบอย่างไม่ยากเย็นเลย เป็นเพลงที่เหมาะแก่การออกไปเริงร่าในหน้าร้อนเป็นอย่างมาก ปิคนิคในพาร์ค ถีบจักรยาน บาร์บีคิวที่สวนหลังบ้าน เล่นน้ำ เดินริมหาด ไม่มีอะไรจะสุขไปกว่านี้แล้ว เชื่อเหอะ


ในช่วงปลายปี 2011 ก็มีออกมาอีกแทร็ค Come On เป็นเพลงที่มีจังหวะเร่งเร้ากว่าเดิมมากพอสมควร แต่กลิ่นอายของความเป็นสวีดิชป็อบก็ยังไม่จางลงแม้แต่น้อย ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าคนสวีเดนทุกคนเขามีจังหวะนี้อยู่เต็มในสายเลือดกันเลยหรือไงนะ หรือไม่หัวใจก็คงเต้นเป็นจังหวะที่มันแสนจะจิงเกิลแจงเกิลแบบนี้น่ะ


และเมื่อต้นปี 2012 เขาก็มีงานน่ารักๆมาให้ติดตามกันเหมือนเคย ด้วยชื่อเพลงที่ดูเหมือนจะขึงขังอย่าง Battleships ทันทีที่กดเพลย์ เสียงคอรัสน่ารักๆก็พุ่งเข้ากระทบหูอย่างจัง เป็นอะไรที่ขัดกับชื่อเพลงมาก อารมณ์ประมาณว่าหยิบวิดิโอม้วนนึงมา (ฮะ วิดิโอเหรอ?! นี่แหละเด็กยุค 80) ดูจากหน้าปกแล้วคาดว่าจะได้ดูหนังบู๊ยิงกระจาย ไม่ก็หนังโหดอย่างซอว์ แต่พอยัดม้วนเข้าเครื่องเล่น (ฮะ ใครยังใช้เครื่องเล่นวิดิโอกันอยู่อีก?!) ภาพที่เห็นกลับเป็นรายการเทเลทับบี้ไปซะฉิบ

ตอนนี้ทางวงยังไม่มีงานใหม่อะไรออกมา เพราะกำลังอยู่ในช่วงตะลอนทัวร์ไปทั่วโลก ไอ้เรารึก็ใจร้อนอยากจะฟังงานใหม่เร็วๆแล้วสิ เพราะเรารู้ว่าเราจะต้องหลงรักมันได้แน่ๆเลยละ


Wednesday 24 July 2013

Carousel กับอีก 2 แทร็คต่อเนื่อง


หลังจากที่ได้แนะนำงานกันไปหนนึงแล้ว มาวันนี้ Jackson Philips และ Kevin Friedman หรือที่พวกเรารู้จักกันในนาม Carousel ก็ได้เข็นซิงเกิลออกมาติดต่อกันถึงอีกสองชิ้น ก่อนที่พวกเขาจะปล่อยอัลบั้มเต็มที่มีชื่อว่า Palms ออกมาในช่วงต้นเดือนหน้า



สำหรับซิงเกิลแรกที่จะให้ลองฟังกันก็คือ Not Enough ที่ดีกรีความเป็น synth-pop ยังไม่ตกลงไปแม้แต่น้อย ใครที่ยังคงประทับใจกับซิงเกิลก่อนหน้านี้ ก็ไม่น่าจะผิดหวังกันอย่างแน่นอน



และล่าสุดที่เพิ่งปล่อยออกมาไม่กี่วันที่ผ่านมา Before You เป็นงานช้าๆที่ชวนฝันตามสไตล์ของ dream-pop แบบไม่มีผิดเพี้ยน ฟังแล้วเหมือนตกอยู่ในภวังค์หวานๆ เดินล่องลอยอยู่บนปุยสายไหมสีชมพูที่ส่งมาจากมือพ่อค้าสุดเท่

ก็คงจะต้องพูดประโยคเดิมๆว่าเราจะตั้งหน้าตั้งตาคอยอัลบั้มที่กำลังจะออกมาในเร็ววันนี้ อยากจะเห็นว่าแทร็คอื่นๆจะทำให้เราประทับใจได้เหมือนสามแทร็คที่ถูกปล่อยออกมานำร่องนี่หรือเปล่า


Okay, Hello.


ถ้าจะพูดถึงเพลงป็อบแล้ว หลายคนอาจจะนึกถึงเพลงที่ฟังง่าย ติดหู เป็นงานประเภทตีหัวเข้าบ้าน เป็นงานสูตรสำเร็จ ที่ถูกกลั่นกรองออกมาแล้วว่าทำยังไงมันถึงจะฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมือง หรือบางคนอาจจะมองว่าเป็นงานกระแสหลักที่ฮิตจนเฝือเกินไปในความรู้สึก ยอมรับตามตรงว่าเราก็เป็นหนึ่งในคนจำพวกหลังนี่แหละนะ แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง เราได้ไปเจอเข้ากับงานเดบิวท์ล่าสุดของหนุ่มอเมริกันนายนึง เขามากับงานป็อบแบบวาไรตี้ ที่ทำให้เราต้องหันมามองวงการป็อบใหม่ซะแล้ว

เราเองก็ไม่ค่อยมั่นใจนักว่าวาไรตี้ป็อบเนี่ยเขามีใช้กันในสารบบหรือเปล่า แต่สำหรับเรามันคืองานป็อบที่ผสมผสานเอาดนตรีแนวต่างๆไว้อย่างหลากหลาย เรียกว่าในอัลบั้มนึงมีให้เลือกเสพย์กันหลายแนวหลากอารมณ์เลยทีเดียว และแน่นอนว่าอัลบั้มแรกของพ่อหนุ่ม Brice Fox ก็เต็มไปด้วยความหลากหลายในแบบที่ว่านี่จริงๆ เราจะขอแนะนำไปทีละแทร็คที่เด่นๆเลยแล้วกัน



สำหรับแทร็คเปิดอย่าง Sweet Serenity เป็นป็อบที่ผสมผสานกับฮิปฮอปได้อย่างน่ารักกลมกลืน ความจริงแล้วจะว่ามีกลิ่นของอาร์แอนด์บีแฝงอยู่อีกก็ได้เหมือนกัน ในส่วนของวิธีการร้องที่เรามักจะพบได้มากในเพลงสไตล์อาร์แอนด์บี และด้วยจังหวะฮิปฮอปแบบกลางๆที่ไม่กระแทกกระทั้นจนเกินไปนัก อีกทั้งที่แรพที่ได้ Matty Rico มาช่วย บวกกับสำเนียงร้องแบบป็อบ มันทำให้เพลงนี่เท่สุดๆเลย



แทร็คต่อมาคือ Hold You เป็นอาร์แอนด์บีแบบเต็มขั้น ที่เจือแฝงความป็อบมาพอประมาณ ฟังแล้วเผลอจิ้นไปเองว่าเสียงของพ่อหนุ่มนี่ก็มีส่วนละม้ายคล้ายกับเสียงคนดำอยู่เหมือนกันนะ ด้วยจังหวะจะโคนและเสียงประสานที่เรียบเรียงกันออกมา ทำให้เรารู้สึกว่าเพลงมันเท่ได้อย่างไม่ยากเย็นเลย



Incredible เป็นแทร็คที่เหลือเชื่อสมชื่อเลย เพราะมีส่วนผสมจากทั้งดนตรีอิเล็คทรอนิคส์ ท่อนแรพสไตล์ฮิปฮอป และการร้องสไตล์ป็อบเดิมๆ ทันทีที่แทร็คนี้ขึ้นมา มันทำให้เรารู้สึกว่าเป็นอัลบั้มที่ช่างวาไรตี้ซะจริงๆ มันไม่ใช่แทร็คที่จะทำให้เราร้องว้าวในตัวของมันเอง แต่มันเป็นส่วนเติมเต็มที่สำคัญให้กับทั้งอัลบั้ม ช่วยสร้างความรู้สึกของการเป็นวาไรตี้ป็อบอย่างแท้จริง



สุดท้ายจะขอพูดถึง Sexy Ladies แทร็คนี้มีกลิ่นอายของโซลแฝงอยู่ไม่น้อยเลย กับความวินเทจนิดๆที่เราสัมผัสได้ ทำให้รู้สึกเหมือนงานป็อบต้นยุค 60 หรืองานเพลงที่อยู่ในยุคเดียวกับ The Wonders ได้อารมณ์น่ารักกรุ้มกริ่มเป็นที่สุด แถมเสียงแซ็กโซโฟนขยี้ใจให้อีกด้วยเอ้า

ความจริงยังเหลืออีก 4 แทร็ค จะเขียนซะให้หมดเลยก็ได้ แต่ว่าให้ลองไปติดตามฟังเองดีกว่า เพราะเขาเขียนเพลงเองเกือบทั้งหมดเลยเหมือนกัน ไม่ใช่จะมาขายแต่เสียงหรือสไตล์อย่างเดียวนะ พูดเลยว่าเป็นงานที่เพราะทั้งม้วนจริงๆ


Monday 22 July 2013

chillwave ไม่เคยตาย


งาน chillwave เจ๋งๆไม่มีวันตายหรอก เชื่อเราสิ ลองดูอย่าง Don't Give Up ที่ Washed Out ทำออกมาเมื่อไม่นานนี้ได้เลย ทุกอย่างถูกผสมผสานเข้ากันอย่างลงตัว ทั้งจังหวะจะโคนต่างๆที่มีความป็อบในตัวของมันเอง ฟังแล้วพูดได้เลยว่าเพราะจับขั้วหัวใจจริงๆ


สิ่งเดียวที่ต้องทำตอนนี้คือรออัลบั้มเต็มที่จะออกมาในเดือนหน้า คาดว่าจะไม่ผิดหวังกันอย่างแน่นอน เพราะซิงเกิลก่อนหน้านี้อย่าง It All Feels Right ก็สร้างความประทับใจให้มากมายไม่แพ้กัน


ไดโนเสาร์ตัวสุดท้าย


ย้อนกลับไปช่วงปลายปี 2010 ที่เมืองโฮบาร์ท ประเทศออสเตรเลีย เรากำลังนั่งอยู่ในห้องนอนของหนุ่มอาหรับหล่อคม ใจเต้นไปกับบรรยากาศหวามไหว กลิ่นน้ำหอมที่แสนเร้าใจ และเพลงๆนี้


ก่อนที่อะไรจะเลยเถิดไปกว่านั้น สัญชาตญาณของนักฟังเพลงในตัวเรามันสั่งให้ปรายตาไปที่จอโน้ตบุคเพื่อมองชื่อเพลงและชื่อวงเสียหน่อย ดูและจดจำไว้ในดาต้าเบสส่วนตัว หลังจากนั้นอะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเป็นไป
...

.........

.....

กลับมาสู่โลกความเป็นจริงที่ปี 2013 หนุ่มอาหรับคนนั้นเป็นอดีตไปแล้ว แต่งานเพลงอินดี้ร็อคดีๆยังคงตรึงอยู่ในความทรงจำ

Last Dinosaurs เป็นวงจากออสเตรเลีย ประเทศที่เรากับหนุ่มคนนั้นไปเรียนต่อนี่แหละ หนุ่มๆกลุ่มนี้เพิ่งจะเดบิวท์อัลบั้มในปี 2012 ที่มีชื่อว่า In a Million Years มีแทร็คที่น่าสนใจอย่าง Honolulu ตามที่ได้ฟังไปแล้วข้างต้น ที่เหมือนเป็นซาวแทร็คประกอบชีวิตรักเราเพลงนึง และก็ยังมี Zoom ที่เป็นร็อคแบบหนักแน่นแต่ผสมผสานอิเล็คทรอนิคส์ไว้อย่างเหมาะเจาะลงตัว


กับ Andy ที่น่าสนใจไม่แพ้กันตรงดนตรีที่ติดหู ดูท่าทางน่าจะป็อบได้ไม่ยากเลย


ผลงานของไดโนเสาร์ตัวนี้อาจจะยังไม่จัดจ้านโดดเด้งเข้าตาคนไทยเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะแนวเพลงอินดี้ร็อคในบ้านเรามีตัวเลือกเยอะแยะมากมายจนนับกันไม่หวาดไม่ไหว แต่เราเชื่อว่าถ้าอัลบั้มหน้าพวกเขายังสามารถรักษามาตรฐานเดิมนี้ไว้ได้ วงการอินดี้บ้านเราต้องอ้าแขนรับไดโนเสาร์ตัวนี้ไว้อย่างอบอุ่นแน่นอน


Sunday 21 July 2013

Hiatus Kaiyote กับงานโซลแห่งอนาคต


ไม่ค่อยง่ายนักที่เราจะหางาน neo-soul นอกแถบยุโรปฟังได้ แต่วันนี้เรามาเจอเข้ากับ Hiatus Kaiyote วง 4 คนจากออสเตรเลียที่ชื่อวงแปลกๆเหมือนจะมาจากญี่ปุ่นซะงั้น พวกเขาเรียกแนวเพลงของตัวเองว่า future-soul ซึ่งเราว่ามันก็เข้าท่าดีนะ เพราะจากที่ได้ลองฟังเราก็พบว่ามันก็มีอะไรที่ต่างออกไปจาก neo-soul ฝั่งยุโรปอยู่นิดหน่อย


สำหรับ Nakamarra ที่ก็ชื่อเหมือนจะเป็นเพลงญี่ปุ่นอีกแล้ว งานนี้ทำร่วมกับ Q-Tip ที่มาช่วยร้องฮิปฮอปให้ กลิ่นอายยังคงความเป็น neo-soul อยู่เต็มเปี่ยม แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือจังหวะฮิปฮอปแบบเท่ๆ และเส้นเสียงกรุ๋งกริ๋งบางอย่างที่ให้ความรู้สึกสุกสกาวอย่างประหลาด สมกับเป็นงานโซลแห่งอนาคตอย่างแท้จริง และก็คงจะต้องติดตามกันต่อไปว่าซิลเกิลอื่นๆจากอัลบั้ม Tawk Tomahawk จะมาจากอนาคตสมที่คุยไว้หรือเปล่า


Saturday 20 July 2013

Freshbloom


ส่วนตัวเราไม่ใช่คนที่ติดใจในเพลงแนวร็อคมากมายนัก ยิ่งถ้าเป็นร็อคแบบเพียวๆนี่ละก็นานๆจะหามาฟังที จะมีก็แต่ร็อคที่ถูกผสมผสานเข้ากับอย่างอื่นจนกลมกล่อมแล้วนั่นแหละ ที่เราจะชอบมากหน่อย แต่ร็อคแบบอินดี้ก็ยังเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ร็อคที่เราจับตาอยู่ตลอด



อย่าง Sundara Karma นี่ก็เช่นกัน 4 หนุ่มจากเมืองเรดดิ้งแห่งเกาะอังกฤษ ถึงอายุจะยังไม่มาก แต่ก็ทำเพลงร็อคได้เป็นที่น่าจับตามองเหลือเกิน ทั้งไลน์กีต้าร์ที่คมและเนื้อหาที่เหมือนถูกสลักเสลามาอย่างดี ทำให้แทร็ค Freshbloom นั้นมีคุณภาพสมชื่อเลย สดใหม่และสดใส จับตาจับใจ


งาน ambient ดีๆมีมาอีกแล้ว


พักหลังๆไม่ค่อยได้ตามงานอิเล็คทรอนิคส์สาย ambient เท่าไหร่ แต่วันนี้ไปเจอเข้ากับงานที่โดดเด้งโดนใจ เลยอดไม่ได้ที่จะต้องนำมาฝากกัน



Charles Murdoc โพรดิวเซอร์คนเก่งจากบริสเบนร่วมมือกับ Oscar Key Sung จนเกิดแทร็คชื่อ Dekire ออกมา ซึ่งจะเป็นซิงเกิลแรกของ EP Weathered Straight ฟังแล้วล่องลอยดีเหลือเกิน เหมาะกับจะสรรหามาฟังในบรรยากาศฝนชุ่มฉ่ำของบ้านเราซะนี่กระไร


Snakadaktal - Hung On Tight [Music Video]



จากที่เคยแนะนำให้รู้จักกันไปเมื่อหลายวีคก่อน ตอนนี้มิวสิควิดิโอก็มีออกมาให้ชมกันแล้ว ต้องมาลุ้นกันต่อต้นเดือนหน้าว่าภาพรวมของอัลบั้มเต็มจะเป็นยังไงบ้าง ชักอยากเห็นซิงเกิลต่อไปแล้วสิ


Friday 19 July 2013

If I could ...


ถ้าฉันเพียงแต่ ... นี่เป็นตัวอย่างความคิดนึงของการอยากหมุนย้อนเวลา Whiskers Po พาเราย้อนเวลากลับไปสู่ยุค 90 อันเป็นที่รักของเราอย่างง่ายดาย กับ If I Could ที่เหมือนจะนำเอา Thank You เดบิวท์แทร็คสุดฮิตของนักร้องสาวอย่าง Dido มาเป็น sampler ในเพลงนี้ ได้กลิ่นความเป็น downtempo ผสมกับอิเล็คทรอนิคส์อย่างลงตัว แถมมีกลิ่นอาร์แอนด์บีเจือจางมานิดๆตามสไตล์เพลงฮิตยุค 90 ที่เราคุ้นเคย