HomeAboutMusic DataMusic QuotesContact

Wednesday 29 May 2013

แค่อยากจะขอ ..... xoxo



สิ้นสุดการรอคอยกันเสียที กับ mv ซิงเกิลล่าสุดจากตัวแม่ของวงการอิเล็คโทรนิคส์ร็อคบ้านเราอย่างจีน กษิดิศ ตัวเพลงนั้นเริ่ดสะแมนแตนอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดกันให้มากความ แต่ตัว mv นี่สิ ... ก็เอาเป็นว่าแล้วแต่คนชอบแล้วกันละเนอะ

18b6900285e950ec0952c0b8537e0b43

แต่ถึงยังไงเราก็จะติดตามผลงานอัลบั้มเต็มนี้อย่างใจจดใจจ่อเลย เพราะมันอาจจะเป็นอัลบั้มเต็มชุดแรกของศิลปินไทยที่เราเสียเงินซื้อในปี 2013 นี้

ขอบคุณภาพจาก

musicstation.kapook.com


สาว Raisa กลับมากับเพลงใหม่


ห่างหายกับการอัพบล็อกไปหลายวันเลยนะคะ พักไปหาแรงบันดาลใจใหม่ๆในการเขียน เพราะแอบรู้สึกว่าสำนวนมันตันๆทื่อๆยังไงชอบกล วันนี้เลยขอกลับมากับตอนสั้นๆกันก่อน ถือซะว่าเป็นการเรียกน้ำย่อยก่อนที่จะกลับมาอัพยาวรวดติดกันแบบจัดเต็มอีกครั้งก็แล้วกัน

Courtesy of Andra Alodita 2

เพลงช้าซิงเกิลล่าสุดของสาว Raisa ออกมาแล้วค่ะ mv เพิ่งอัพไปสดๆใหม่ๆเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้เอง ก็เลยอยากจะให้ลองฟังกันดู เป็นซิงเกิลที่มีชื่อว่า Terjebak Nostalgia แปลได้ว่า trapped in nostalgia ฟังดูเศร้าจังเลยเนอะ สำหรับซิงเกิลนี้เรียกว่าเป็นเพลงช้าจริงจังเพลงแรกของเธอเลยก็ว่าได้ ตัวเพลงดำเนินไปด้วยเปียโนและเสียงใสๆของเธอเป็นหลัก ฟังแล้วชอบหรือไม่ชอบยังไงก็มาแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้นะ แต่สำหรับเราแล้วบอกได้เลยว่ายังตกหลุมรักสาวอินโดหน้าคมคนนี้เหมือนเดิมค่ะ



Photographer by Andra Alodita


Tuesday 21 May 2013

ฮาร์โมนิก้าและหนูมาลี


ด้วยความที่เป็นคนที่ชอบดนตรีชนเผ่าหรือดนตรีท้องถิ่น เราเลยชอบเสาะหาเพลงที่มีลักษณะนี้มาฟังอยู่บ่อยๆ กับครั้งนี้ถึงแม้จะเป็นความรู้จักกันโดยบังเอิญ แต่มันก็ทำให้เราผูกขาดการติดตามผลงานของวงนี้อย่างไม่ได้หยุดหย่อนเลยทีเดียว

Harmonica Sunrise เป็นวงอินดี้จากเมืองเชียงใหม่ ทำดนตรีแนวป็อบที่ผสมผสานบลูส์ ร็อค คำเมืองและลูกทุ่งไว้ด้วยกันอย่างลงตัว แรกเริ่มเดิมทีวงประกอบด้วยสมาชิกสี่คน กานต์-กลอง, หลุย-เบส, เปิ้ล-กีตาร์โซโล่, ชา- ร้อง มีจุดเริ่มต้นมาจากการทำอัลบั้มกับเพื่อนๆกลุ่ม No Signal Input ในปี 2550 แต่อัลบั้มเดี่ยวชิ้นแรกของพวกเขาออกวางในปี 2552

เพลงที่ทำให้เรารู้จักกับวงนี้ก็คือ มาลี



อินโทรขึ้นมาด้วย sampler ของเพลงหนูมาลีที่เรารู้จักกันดี หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว ลูกแมวเมียว ลูกแมวเมี้ยว ดูเผินๆอาจจะน่ารักง้องแง้ง แต่เนื้อหาของเพลงไม่ได้ง้องแง้ตามเลย เพลงพูดถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในยุคสมัยนี้ ทั้งทางเทคโนโลยี ทางวัฒนธรรมของเมืองเชียงใหม่ โดยมีเด็กสาวชื่อมาลีเป็นตัวดำเนินเรื่อง มาลีเป็นเด็กสาวจากแม่สาที่ต้องลงมาเรียนในตัวเมืองเชียงใหม่ มาลีพบเจอกับอะไรแปลกใหม่หลายอย่าง ทุกสิ่งล้วนน่าตื่นตาตื่นใจ บางอย่างก็เป็นสิ่งดีแต่หลายๆอย่างก็ไม่ เนื้อเพลงหลายท่อนก็เสียดสีสังคมสมัยนี้ได้แบบเจ็บๆคันๆ เช่น ลอยกระทงกลายเป็นสงคราม สงกรานต์กลายเป็นสงกาม หรือการพูดถึงนักศึกษาสาวที่ใส่เสื้อกระดุมปริ สำหรับเราเพลงนี้มีกลิ่นอายของบลูส์และเพลงคำเมืองอย่างชัดเจนที่สุด ด้วยเนื้อร้องคำเมืองและดนตรีแนวบลูส์และคำเมืองที่ผสมผสานออกมาได้อย่างลงตัว เอกลักษณ์ของเพลงคำเมืองคือซะล้อก็ถูกขับออกมาได้หวานจับใจ และมีเสียงของดับเบิ้ลเบสเดินเป็นฐานให้เพลงอย่างมั่นคง

จนเมื่อเดือนสิงหาของปีที่แล้ว เราก็ได้รับข่าวที่น่าใจหายว่าหลุยได้ลาออกจากวงไปซะแล้ว ต่อไปนี้ก็จะไม่ได้เห็นลีลาปีนเบสอีกแล้วสินะ คงคิดถึงแย่เลย แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาทางวงก็ได้ออกซิงเกิลใหม่มาอีกที่ชื่อว่าเหงา


เพลงนี้เป็นอคูสติคป็อบแบบง่ายๆ ที่มีเปียโนกับกีต้าร์โปร่งเป็นตัวดำเนินเรื่อง ความจริง "เหงา" เป็นเพลงที่อยู่กับวงมาตั้งแต่แรกเริ่มเลยทีเดียว มีอายุนานนับ 10 ปี แต่เพิ่งถูกนำมาบันทึกใหม่ ถึงเพลงนี้จะชื่อว่าเหงา แต่ฟังแล้วก็ไม่ได้รู้สึกเหงาบาดใจ เหงาฟูมฟายอยากลาตายอะไรแบบนั้น กลับเป็นความเหงาที่อบอุ่นลึกๆด้วยซ้ำ เป็นความเหงาที่ยังคงรู้สึกว่ามีใครบางคนที่คิดถึงเราอยู่เช่นกัน เป็นอีกหนึ่งความเหงาที่งดงาม

สุดท้ายนี้ก็คงต้องขอฝากวงอินดี้ป็อบคำเมืองจากเมืองน่ารักๆของใครหลายคนอย่าง Harmonica Sunrise ไว้ด้วย ขนาดเราเองไม่เคยไปเชียงใหม่ ไม่ได้ปลื้มอะไรกับที่นั่นเป็นพิเศษ ยังอดหลงรักไม่ได้เลย



Friday 17 May 2013

อีนี่ east meet west นะจ๊ะนายจ๋า


ถ้าจะพูดถึงการผสมผสานแนวดนตรีที่ลงตัวแล้ว ดนตรีประเภท east meet west ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องภายหลังยุคมิลเลเนียมที่ผ่านมา อาจจะเป็นเพราะโลกเราเปิดรับวัฒนธรรมจากตะวันออกสู่ตะวันตกมากขึ้นก็เป็นได้ เรามีเทคโนโลยีมากมายที่จะช่วยให้เราผสมผสานสิ่งดีๆของซีกโลกทั้งสองเข้าไว้ด้วยกัน และวันนี้เราจะนำเสนอ 2 อัลบั้มที่เป็นการผสมผสานดนตรีร่วมสมัยกับดนตรีจากโลกตะวันออก ลองมาดูกันว่าส่วนผสมจะออกมาลงตัวและกลมกล่อมแค่ไหน

ในโลกของดนตรีแจ๊สร่วมสมัย มีผู้ชายคนนึงที่มีความโดดเด่นมานานนับ 20 ปี เขาคนนั้นก็คือ Kenny G. ซึ่งเราขอถือวิสาสะนับญาติกับแกโดยการเรียกว่าคุณพี่เคนเนท สำหรับคนไทยเราที่ไม่ใช่คอเพลงแจ๊ส มักจะนึกถึงคุณพี่เป็นอันดับต้นๆเลยทีเดียวเมื่อต้องพูดถึงเพลงแจ๊ส นั่นคงจะเป็นเพราะงานเพลงของคุณพี่นั้นเข้าถึงง่าย ก็แน่ละ มันเป็นดนตรีร่วมสมัยนี่นา เสียงโซปราโนแซ็กที่คุ้นเคย เพลงหวานๆที่ติดหูใครหลายคน คงเป็นเครื่องการันตีถึงความสามารถของคุณพี่เคนเนทได้เป็นอย่างดี มาวันนี้คุณพี่หันเหมาให้ความสนใจกับดนตรีจากดินแดนตะวันออกอย่างประเทศอินเดีย คุณพี่เลยจับมือกับนักดนตรีชาวอินเดียนามว่าราหุล ชาร์มา นัก santoor ชื่อดัง ร่วมกันรังสรรค์อัลบั้มอินเดียนแจ๊สที่ชื่อว่า Namaste ออกมาในปี 2011


สำหรับแทร็คที่น่าสนใจมีด้วยกันหลายตัว อย่าง Bhrama - Vishnu - Shiva เป็นแทร็คที่มีความโดดเด่นที่สายเสียงของ santoor เป็นอย่างมาก ซึ่งคนไทยอาจจะยังไม่คุ้นเคยกับเครื่องดนตรีชนิดนี้กันเท่าไหร่


อีกแทร็คที่เด็ดไม่แพ้กันคือ Silsila ที่ได้อมิตาบ บาจัน ดาราชื่อดังชาวอินเดียมาใส่เสียงพูดให้ ทำให้เพลงนี้น่าสนใจสุดๆ เสียงทุ้มนุ่มของเขาฟังแล้วสงบเยือกเย็นดีไม่หยอก


แทร็คอื่นๆที่เหลือในอัลบั้มก็เต็มไปด้วยการผสมผสานกับเครื่องดนตรีพื้นเมืองของอินเดียชนิดอื่นๆมากมาย เช่น กลองทับล้า หรือแม้แต่ซีต้าร์ พูดได้เต็มปากเลยว่างานชุดนี้เป็นอีสเทิร์นแจ๊สที่เราปลื้มที่สุด เรามักจะเอามาเปิดฟังตอนที่ต้องเขียนงานอะไรที่ต้องใช้สมาธิ หรือจะเปิดคลอเบาๆตอนอ่านหนังสือหรือทำสปาก็เก๋เหมือนกัน ยิ่งถ้าได้กำยานหรือธูปหอมจากอินเดียมาจุดเพิ่มบรรยากาศแล้วละก็ สวรรค์ชั้นหิมาลัยก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม


การร่วมงานกับคุณพี่เคนเนทคงจะทำให้ราหุลติดใจในแนวทางการผสมผสานดนตรีจากสองซีกโลกอยู่ไม่น้อย มาในปี 2013 นี้ เขาเลยร่วมมือกับ Deep Forest ศิลปินเวิล์ดมิวสิคชื่อดังจากฝรั่งเศส ปลุกปั้นให้อัลบั้ม Deep India มีชีวิตขึ้นมา

86913971

หลังจากที่เราได้ลองฟังจนหมดทั้งอัลบั้มแล้ว เราเพ้อหลุดโลกไปเลย มันเป็นความงดงามของดนตรีพื้นเมืองอินเดีย บวกเข้ากับดนตรีอิเล็กทรอนิคส์ ทั้งจังหวะของ santoor เครื่องกระทบพื้นเมืองต่างๆ อีกทั้งยังมีเสียงสวดภาวนา เมื่อนำมารวมกับดนตรีสไตล์ถนัดของอีริค มูเก้แล้วเนี่ย มันงดงามจนหาคำมาบรรยายไม่ถูกเลยทีเดียว

สำหรับแทร็คที่อยากจะแนะนำก็คือ Rajasthan, Punjab และแทร็คแรกของอัลบั้มคือ Viva Madikeri ก็ไพเราะโดดเด่นไม่แพ้กันเลยทีเดียว 3 แทร็คนี้คัดมาแล้ว เรียกว่าโดนใจเนื้อๆเน้นๆ




เมื่อโลกเราเล็กลง ผู้คนก็รวมตัวกันจนกลายมาเป็นหมู่บ้านโลก พรมแดนทุกอย่างและสิ่งพันธนการต่างๆถูกทำลายออกไป รวมทั้งเรื่องดนตรีด้วย นี่เป็นโอกาสดีที่จะได้สัมผัสกับการผสมผสานชั้นยอดทางดนตรีจากสองซีกโลกอย่างแท้จริง

ขอบคุณภาพจาก

theurbanmusicscene.com

last.fm


Thursday 16 May 2013

Never Shout Never


Never Shout Never

สำหรับวัยรุ่นอย่างเราๆแล้ว (คนอ่านคงนึกในใจว่าน้ำหน้าอย่างเจ้าของบล็อกนี่น่าจะเลยวัยรุ่นมาหลายปีโข ซึ่งก็จริง) โอเค กับวัยรุ่นอย่างเราๆ (มันยังยืนยันที่จะเรียกตัวเองว่าวัยรุ่น) มันคงไม่แปลกที่เวลาฟังเพลงฟังดนตรีอาจจะมีเคลิ้มไปกับหน้าตาอันหล่อเหลาหรือน่ารักของนักร้องบ้าง กับวงที่จะมาแนะนำให้ได้รู้จักกันวันนี้ก็ด้วย พูดเลยว่าเราเริ่มจากการชอบในรูปลักษณ์ของนักร้องนำก่อนอื่น จากนั้นถึงไปหาข้อมูลและฟังเพลงของพวกเขา

เริ่มแรกเรารู้จัก Never Shout Never กลางปีที่แล้ว จากการดูวิดิโอตัวนึงในการโปรโมทแคมเปญอะไรสักอย่างของ Peta ช่วงนั้นพอดีว่าเรากำลังศึกษาเรื่องการเป็น vegan อยู่ เลยติดตาม Peta เป็นพิเศษ ก็เลยทำให้มีโอกาสไปป๊ะเข้ากับพ่อหนุ่มหน้ามน คนหน้าใส ลายสักเต็มตัว แถมระเบิดหูกับเจาะปาก อย่างคริสโทเฟอร์ ดรูว อิงเกิล และผองเพื่อนของเขาในนาม Never Shout Never สมาชิกทุกคนในวงเป็น vegan และทำเพลงอคูสติคป็อบร็อค นี่คือข้อมูลเบื้องต้นที่เราได้รู้จากวิดิโออันนั้น ทำให้เราต้องไปสืบเสาะหาเพลงมาฟังจนสาแก่ใจ

ขอเริ่มกันที่แทร็คโปรดของเราเลยแล้วกัน Time Travel อินโทรขึ้นมาออกแนวอิเล็คทรอนิคส์ยังไงชอบกล สารภาพตามตรงว่าตอนแรกไม่ได้เตรียมใจกับแนวเพลงว่าจะเป็นแบบไหน เข้ามาหาฟังเพราะความอยากรู้อยากเห็นและอิมเมจของวงเป็นตัวนำ แต่ฟังได้ครึ่งเพลง เฮ้ย เพลงแม่งมันนี่หว่า ชอบเนื้อตรงที่ร้องว่า hey kid you don't know shit แหกปากร้องตามแล้วสะใจดี


ต่อกันที่แทร็คที่สอง เราลองย้อนกลับไปฟังงานเก่าๆที่ให้กลิ่นอายอคูสติคป็อบร็อคกันบ้าง On The Brightside จัดว่าเป็นงานของวงในยุคแรกสุดเลยก็ว่าได้ เพราะออกมากับ Summer EP ในช่วงปี 2009 เนื้อหาใสมากๆ มองโลกในแง่ดีสุดๆ เรียกว่าเป็นเพลงโลกสวยฟีลเดียวกับเจสัน มราซเลยแหละ ขัดกับอิมเมจของวงที่ดูเผินๆเหมือนจะเป็นอีโมเอามากๆเลย ซึ่งความจริงก็ไม่ใช่อีโมหรอก แค่รอยสักและทรงผมมันพาไปมากกว่า


Can't Stand It เป็นอีกแทร็คที่เราชอบมากจากวงนี้ เนื้อหามันใสๆมากเลย ฟังได้เพลินๆ อารมณ์เพลงให้ฟีล puppy love สมัยม.ต้นมากๆ เป็นช่วงที่เราเริ่มฟังเพลงสากลอย่างจริงจังพอดี นึกภาพเห็นไอ้หนุ่มกระเตาะเรียนม.ต้นหัดเล่นเพลงนี้ด้วยกีต้าร์เพื่อจีบสาว



3ec4efbccc51c455cdd8fb7da8aa9166

ย้อนกลับมาที่ปัจจุบันกันบ้าง ซิงเกิลล่าสุดที่ออกมาเมื่อปลายปีที่แล้วที่ชื่อ Magic เป็นแทร็คที่ทำให้เรารู้สึกว่าจริงๆแล้วดนตรีของวงก็ไม่ได้เป็นอะไรหวือหวาแบบที่เราเข้าใจไปเองเลย มันก็เป็นเพลงป็อบร็อคธรรมดาๆนี่เองละ บวกกับกลิ่นอายอคูสติคและอะไรบางอย่าง (ที่เราก็ไม่รู้ว่าคืออะไร) ที่ทำให้อะไรๆมันดูหวือหวาขึ้นมาได้เองผิดจากภาพความเป็นจริง ซึ่งเราถือว่านี่คือข้อดีนะ


แทร็คท้ายสุดที่จะขอพูดถึง เป็นแทร็คที่ใครหลายๆคนที่ติดตามวงนี้ล้วนชอบกันเป็นพิเศษ แต่สำหรับเรากลับเฉยๆ ก็คือ What Is Love? ที่มีกลิ่นอายดนตรีร็อคเก่าๆ เหมือนจะเป็นโฟล์คร็อคหรือเปล่าเราไม่แน่ใจ แต่ส่วนตัวไม่ค่อยปลื้มดนตรีแนวนี้เท่าไหร่ รู้สึกเหมือนมันมีสำเนียงเฉพาะตัวที่ทำให้เรารู้สึกโหยไห้กับอะไรก็ไม่รู้อยู่ลึกๆ (ถ้าอยากเข้าใจว่าฟีลประมาณไหน ให้ลองไปหาคลิปคดีฆาตกรรมเจ้านายโดยสาวใช้ฝรั่งเศสตระกูล Papin ดู เพลงประกอบคลิปส่วนใหญ่ให้ฟีลแบบนั้นเลย) แต่ก็ลองแนะนำดู คิดว่าถ้าคนส่วนมากเขาชอบกันคนอ่านก็น่าจะชอบได้ไม่ยาก คงมีแต่เราที่เพี้ยนไปเองแหละ


Never Shout Never เป็นตัวอย่างนึงที่บอกกับเราว่าอย่าตัดสินอะไรจากเพียงภายนอก ว่ากันตรงๆจากตอนแรกที่ชอบในรูปลักษณ์ที่คล้ายๆจะอีโมนี้ เราไม่คิดหรอกว่าเราจะชอบงานเพลงของพวกเขานะ แต่หลังจากที่ได้ลองฟังจริงๆแล้วเราพูดได้เต็มปากเลยว่าชอบ และจะติดตามกันต่อไปอย่างแน่นอน

ขอบคุณภาพจาก

nevershoutnever.com

portsmouthguildhall.org.uk


Friday 10 May 2013

Come as Yuna


yuna-new-singer

สาววัย 26 ที่มีบ้านเกิดอยู่ในเมืองเล็กๆแห่งนึง ณ รัฐสลังงอร์ สาวมาเลเซียคนนี้เป็นที่จับตามองมากมายจากวงการเพลงอินดี้ป็อบในนิวยอร์ก ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเส้นทางในวงการเพลงของยูนาเริ่มต้นขึ้นจากกีต้าร์ตัวเดียวและเพลงที่เธอร้องเล่นอัดเล่นในห้องนอนของเธอเท่านั้นเอง เรารู้จักเธอจากเพื่อนชาวอินโดนีเซียคนนึงที่เราขอให้เขาแนะนำเพลงให้ แรกสุดเรายังเข้าใจว่าเธอคงจะเป็นนักร้องชาติเดียวกับเพื่อนเราซะอีก หลังจากที่เรานำชื่อของเธอไปค้นหาในยูทิวป์ เราก็สะดุดตากับเพลงนี้เป็นอย่างแรกเลย


ตอนนั้นเรายังไม่รู้มาก่อนว่าเธอไปได้ดิบได้ดีไกลถึงนิวยอร์กโน่นแล้ว เราก็ได้แต่แอบปรามาสอยู่ในใจเล็กๆว่านักร้องจากประเทศแถวบ้านเรานี่อาจหาญออกเพลงคัฟเวอร์เวอร์ชั่นของวงร็อคระดับตำนานเลยเหรอวะ แต่ก็เอาละ ลองให้โอกาสดูซักหน่อย แล้วเราก็กดฟัง ช่วงเวลาไม่กี่นาทีตรงนั้น เรารู้สึกเหมือนโดนสะกด ยูนาทำมันออกมาเหมือนเป็นเพลงของตัวเองจริงๆ ทำเอาเราลืม Nirvana ไปเสียหมดสิ้น เราลองไล่อ่านคอมเมนท์ดูก็พบว่าหลายคนชื่นชมเธออยู่ไม่น้อยเลย

yuna-by-Larry


เธอออกอัลบั้มทั้งในบ้านเกิดและนิวยอร์ก มีทั้งซิงเกิล อีพี อัลบั้มเต็ม สับสนทับซ้อนกันหลายส่วนมาก เราเองก็ออกจะงงๆอยู่เหมือนกัน เอาเป็นว่าเราจะแนะนำแทร็คที่เด่นๆเลยแล้วกัน คงจะไม่ท้าวความให้ฟังว่าเป็นงานจากอัลบั้มไหนปีไหน ถ้าชอบก็ไปติดตามกันต่อเอาเองนะจ๊ะ


สำหรับแทร็คนี้ Live Your Life เป็นงานที่เธอออกกับสังกัด Fader ที่นิวยอร์กนี่แหละ พูดตรงๆว่าเราเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเพลงแนวไหนเหมือนกัน เหมือนๆจะเป็นป็อบ แต่ก็ไม่ใช่ป็อบจ๋าที่เห็นกันทั่วไป ดนตรีมีความหม่นซ่อนอยู่ จะว่าเป็นโซลหรืออาร์แอนด์บีก็เหมือนจะมีกลิ่นนิดๆ แต่ด้วยวิธีการร้องแล้วก็ยังไม่ใช่ซะทีเดียว มันยากที่จะสรุปให้เข้าใจได้ เอาเป็นว่ามันเก๋มากก็แล้วกัน


yuna-lullabies-remix1

Sparkle เป็นแทร็คที่ออกมาเมื่อกลางปีที่แล้ว ในอัลบั้มที่วางขายฝั่งอเมริกา ตัวเพลงมีกลิ่นอายอคูสติคมากขึ้น ซึ่งจะว่าไปเท่าที่เราลองฟังงานของเธอมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอัลบั้มในมาเลเซียหรือในอเมริกา เราว่ามันก็ก้ำกึ่งที่จะเป็นทั้งป็อบและอคูสติคนะ แล้วก็จะมีความเป็นโซลและอาร์แอนด์บีแจมมานิดๆในพาร์ทดนตรี ฟังไปฟังมาเราว่าในเพลงนี้ยังมีกลิ่นแจ๊สติดมาด้วยซ้ำเลย


เสียงของยูนาก็เป็นอีกสิ่งที่แฟนๆหลายคนพูดถึงกันมากมาย บางคนถึงกับออกปากว่าเธอมาจากโลกของนางฟ้าเลยทีเดียว และแทร็คที่ชื่อว่า Someone Out of Town ก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่าคำพูดนี้เกินจริงไปเลย


ความจริงยังมีอีกเรื่องเกี่ยวกับเธอที่เราเองและแฟนๆหลายคนติดใจ นั่นก็คือสไตล์การแต่งตัวที่เป็นเอกลักษณ์ เธอสามารถเอาฮิญาบมาผสมผสานกับสตรีทแฟชั่นได้เป็นอย่างดี การสวมฮิญาบของเธอดูไปดูมาแล้วคล้ายการโพกผ้าสไตล์ชนเผ่าแถบแอฟริกาเลย แถมเป็นฮิญาบที่สวยทั้งสีทั้งเท็กซ์เจอร์ซะด้วยสิ เท่าที่เห็นเราว่าเธอไม่ใช่คนที่แต่งตัวเป็นสาวหวานหยดย้อย แต่ก็มักจะมีดีเทลบางอย่างที่ดูเป็นผู้หญิงซ่อนไว้อยู่ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเห็นเธอ เราบอกกับตัวเองเลยว่าถ้าฉันเป็นมุสลิมและจะต้องสวมฮิญาบ ฉันจะก็อปปี้การแต่งตัวของคนนี้แหละ เห็นหรือยังว่าปลื้มขนาดไหน แต่ที่ทำให้เราปลื้มมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นงานเพลงจากหลากอีพีหลายอัลบั้มของเธอนั่นเอง

yuna


Wednesday 8 May 2013

เพราะฉันนั้นรักสนุก


ถ้าจะพูดถึงตัวแม่ในวงการเพลงอิเล็คโทรนิคร็อคบ้านเราแล้วจะไม่พูดถึงคนๆนี้ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ จีน กษิดิศ คราวนี้จีนกลับมาพร้อมกับสตูดิโออัลบั้มชุดที่สอง ใช้ชื่อว่า Blonde ด้วยสไตล์ avant garde และคอสตูมแต่งหญิงแบบจัดเต็มกว่าที่เคย

gene2

ย้อนไป 10 ปีก่อนหน้านี้ เส้นทางดนตรีของจีนเริ่มขึ้นกับวง Futon ด้วยงานเพลงแนวอิเล็คโทรนิคฟังก์ ที่อาจจะไม่เปรี้ยงปร้างนักในหมู่คนฟังเพลงกระแสหลัก แต่สำหรับชาวอินดี้และขาปาร์ตี้ในไทยแทบไม่มีใครที่ไม่รู้จักวงนี้ เมื่อถึงจุดอิ่มตัวกับความสำเร็จของวง จีนจึงแยกตัวออกมาทำอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของตัวเองในปี 2009 ที่ชื่อ Affairs กับค่าย Smallroom

gene1

สำหรับ "รักสนุก" ซิงเกิลแรกของอัลบั้มที่ปล่อยออกมานี้ จัดว่าเป็นเพลงอิเล็คโทรนิคร็อคที่เหมาะแก่การเต้นรำอย่างมาก และด้วยเนื้อหาที่ซอฟท์ลงจากอัลบั้มก่อน น่าจะมีส่วนให้รุกไปในตลาดที่กว้างขึ้นกว่าเดิมได้เป็นอย่างดี เนื้อหาของเพลงพูดถึงการปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ ใช้ชีวิตโลดแล่นไปกับความสุขและความสนุก ครั้งแรกที่เราได้ฟังรู้สึกถูกใจดนตรีสไตล์นี้มาก เพราะเป็นสไตล์ที่อาจจะยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมในบ้านเรามากเท่าไหร่นัก นับว่าจีนเป็นหัวหอกในการเปิดทางให้กับดนตรีแนวอิเล็คโทรนิคร็อคในวงการเพลงบ้านเราเลย


มาต่อกันที่ซิงเกิลตัวถัดมาที่ชื่อว่า "เก็บคำว่ารัก" เพลงนี้ได้นักแต่งเพลงฝีมือดีอย่างบอย ตรัย ภูมิรัตน์มาช่วยแต่งให้ ส่วนตัวเราไม่ได้ชื่นชอบผลงานของเขาเป็นพิเศษ แต่กับเพลงนี้ต้องบอกเลยว่าโดนใจอย่างแรง เนื้อเพลงกล่าวถึงความรักของคนสองคนที่ไม่เคยพอดีกันสักที เมื่อความรักของคนสองคนมันเกิดขึ้นไม่พร้อมกัน สิ่งเดียวที่พอจะทำได้คือเก็บคำว่ารักเอาไว้ก่อน แล้วรอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมของมัน สำหรับตัว mv เองก็เก๋มากจริงๆ เพราะได้สไตลิสท์ชื่อดังของวงการแฟชั่นบ้านเราอย่าง อาร์ท อารยา มาช่วยกำกับให้ สีสันและบรรยากาศชวนให้นึกถึงงานกำกับของหว่อง การ์ ไว และยังไม่นับที่มี 5 สาวนางแบบแถวหน้าของวงการมาร่วมเล่นด้วย


จบที่ซิงเกิลล่าสุดที่ยังไม่ได้ทำ mv เพิ่งปล่อยออกมาได้ไม่ถึงอาทิตย์ดี "แค่อยากจะขอ" เพลงรักสไตล์อิเล็คโทรป็อบอย่างดีที่พูดถึงความรักที่เพ้อฝันไปข้างเดียว ปนไปกับกลิ่นอายความเซ็กซี่เล็กๆ ความจริงเนื้อหามันเศร้านะถ้ามองดีๆ แต่อาจจะเป็นเพราะธรรมชาติของดนตรีอิเล็คโทรป็อบก็ได้ที่ไม่ว่ามันจะอยู่กับเนื้อหาอะไร ก็ไม่ทำให้คนฟังเศร้าอยู่ได้นานนักหรอก เราเองก็กำลังรอที่จะได้ดู mv เพลงนี้อยู่ คิดว่าคงต้องมีอะไรดีๆแน่เลย


ถึงตอนนี้ดนตรีสไตล์อิเล็กโทรนิคร็อคและอิเล็คโทรป็อบอาจจะยังไม่เข้าสู่ตลาดหลักของวงการเพลงบ้านเรา แต่เราเชื่อว่าจีนนี่แหละที่จะเป็นแกนนำในการทำให้ดนตรีสไตล์นี้เปิดออกสู่วงกว้างได้แน่นอน และถ้าใครที่ชอบดนตรีสไตล์เต้นรำที่มีชีวิตชีวาที่จะเปิดโลกใหม่ให้กับการปาร์ตี้ ... มารักสนุกไปด้วยกันนะ


Tuesday 7 May 2013

I love her black voice [1]


เราคงต้องบอกว่าในบรรดาสรรพเสียงสำเนียงของนักร้องทั้งชายหญิงจากทั่วโลกเนี่ย เสียงในแบบที่เราชอบมากที่สุดเห็นจะได้แก่เสียงของคนดำ หรือที่เรียกกันเป็นภาษาฝรั่งเก๋ๆว่า black voice นี่เอง จะด้วยเหตุผลกลใดเราก็ไม่ทราบแน่ชัด แต่ทุกๆครั้งที่เราได้ฟังเสียงคนดำ เราจะรู้สึกถึงความแหบห้าวในเนื้อเสียง เหมือนมันมีอะไรบางอย่างที่ซ่อนตัวอยู่ในกระแสเสียงนั้นที่ทำให้เรารู้ว่านี่แหละคือ black voice

ในวันนี้เราอยากจะขอแนะนำ black voice ของพวกเธอเหล่านี้ให้ได้รู้จักกัน แน่นอนว่าเสียงของพวกเธออาจจะไม่ใช่เสียงที่คุ้นเคยสำหรับผู้ฟังชาวไทยเท่าไหร่นัก แต่เราขอการันตีตรงนี้เลยว่าหากได้ลองฟังแล้ว คุณจะหลงใหลในเสียงของพวกเธอเหมือนกันกับเรา

เริ่มกันที่คนแรก สาว Ntjam Rosie นักร้องแจ๊สสายเลือดแคเมอรูนที่ไปเติบโตได้ดิบได้ดีในเนเธอร์แลนด์ กับงานในอัลบั้มล่าสุดของเธอที่มีชื่อว่า At the back of beyond งานชุดใหม่นี้ออกกับค่าย Gentle Daze ที่เธอเป็นเจ้าของเองซะด้วย เราจะพาคุณย้อนไปที่ปี 2011 กับงานของเธอจากอัลบั้ม Elle

68739367396806bf8877f202702b54e9

ขอสารภาพกันตรงนี้เลยว่าเราเองก็เพิ่งจะเริ่มติดตามผลงานเธอเมื่อกลางปีที่แล้วนี้เองแหละ ทั้งที่ความจริงเราก็พอจะได้ยินชื่อเธอมาบ้างแล้วตั้งแต่ปี 2008 และจากการที่เธอมาเปิดคอนเสิร์ทเล็กๆที่ไทยกับงานสองชุดแรก กับแทร็ค Morning Glow นี้ แฟนเก่าเราเองเป็นคนแนะนำให้เราฟัง ทันทีที่อินโทรขึ้นมาเราก็รู้เลยว่าเราจะต้องรักมันแน่ๆ แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เธอถ่ายทอดความ glow ออกมาได้สุกสว่างเป็นที่สุด ฟังแล้วรู้เลยว่านี่ต้องเป็นงานยูโรเปี้ยนแจ๊สชัวร์


วกกลับมาที่อัลบั้มล่าสุดของเธอกับแทร็คที่มีชื่อว่า Love Is Calling ซึ่งปล่อยออกมาให้ฟังกันเมื่อวาเลนไทน์ที่ผ่านมานี้เอง ส่วนตัวรู้สึกว่าดีกรีความเป็นแจ๊สถูกลดระดับลงไปเพียงเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่นั่นก็เป็นธรรมดาของแจ๊สจากแถบยุโรปอยู่แล้ว ที่มักจะถูกจับไปผสมผสานกับอะไรก็ได้ที่เห็นว่ามันเข้ากัน สุดท้ายก็ออกมาเป็นแจ๊สรสชาติแปลกๆแต่เก๋ไม่หยอกแบบนี้แหละ


มาต่อกันที่สาวคนถัดไปเลยดีกว่าค่ะ เธอมีชื่อว่า Irma น่าบังเอิญเหมือนกันที่เธอก็มีที่มาเดียวกันกับ Ntjam คือประเทศแคเมอรูน แต่ต่างกันตรงที่เธอคนนี้มาเติบโตที่ฝรั่งเศสค่ะ เธอเป็นนักร้องนักแต่งเพลงที่ผลิตผลงานเพลงแนวบลูส์ โฟล์ค ป็อบ และบัลลาด งานอัลบั้มแรกของเธอในปี 2011 มีชื่อว่า Letter to the Lord มากับซิงเกิลสุดฮิตอย่าง I Know


ถ้าได้ดู mv จะเห็นว่าเธอมากความสามารถจริงๆ ทั้งกลอง กีต้าร์ ร้องเองแต่งเองเสร็จสรรพ จุดเด่นของเพลงเราคิดว่าอยู่ที่การใส่ sampler ของเพลง Ain't No Sunshine เข้าไปได้อย่างเหมาะเจาะ ในท่อนที่ร้องว่า I know ซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งมันก็ตรงกับชื่อเพลงอย่างพอดิบพอดีเลย

irma

อีกแทร็คที่ชื่อเดียวกันกับอัลบั้มเราก็ชอบมากเช่นกัน เป็นเพลงที่เนื้อหาไม่ค่อยจะเบาสักเท่าไหร่ แต่กลับฟังได้เพลินมากๆ อาจจะเป็นเพราะใช้กีต้าร์โปร่งเป็นตัวเอกในการขับเคลื่อนก็ได้


ที่สำคัญเธอคนนี้ยัง cover เพลงฮิตๆของศิลปินคนอื่นไว้อีกมากมาย เช่น Adele หรือ Macy Gray ลองหามาชมมาฟังกันได้ รับประกันว่าผลงานไม่เลวเลยทีเดียว

เอาละ สำหรับสาวคนสุดท้ายของวันนี้ แต่ยังไม่ใช่ท้ายสุดในบรรดาสาวผิวดำเสียงสวยนะ เพราะเราจะมาแนะนำสาวๆที่เหลือกันต่อในโอกาสหน้า เธอคือ Giovanca สาวผิวดำจากเนเธอร์แลนด์ งานเพลงของเธอต้องบอกว่าเก๋ไก๋ของแท้เลย เป็นส่วนผสมของนีโอ-โซลกับยูโรเปี้ยนแจ๊ส ก็จะไม่ให้เก๋ได้ยังไงในเมื่อเธออยู่ในค่ายเพลงอย่าง DoxAmsterdam ที่ผลิตแต่งานเพลงเก๋ๆทั้งนั้น (ไว้วันหลังจะมาแนะนำศิลปินเบอร์อื่นในค่ายให้ได้รู้จักกัน) เธอเริ่มเดินในเส้นทางนี้ตั้งแต่ปี 2007 แล้ว แต่ยังไม่ค่อยเปรี้ยงปร้างเท่าไหร่ เพิ่งจะมาเป็นที่จับตามองเมื่อย่างเข้าอัลบั้มสองที่ชื่อว่า Subway Silence นี่แหละ กับเพลง On My Way ที่เรียกว่าเป็นแทร็คเปิดตัวสำหรับอัลบั้มสองที่ทำให้เธอโดดเด่นขึ้นกว่าเก่ามาก


สำหรับอัลบั้มล่าสุดในปี 2010 ที่ชื่อ While I'm Awake ก็มีแทร็คฮิตอย่าง Drop It มาเป็นตัวเชิดหน้าชูตา กลิ่นอายของโซลตลบอบอวลไปทั้งอัลบั้มเลยทีเดียว แต่ก็ยังมีลีลาของยูโรเปี้ยนแจ๊สแฝงตัวอยู่ตามซอกหลืบเล็กๆอย่างน่ารักและพอเหมาะพอเจาะ


สิ่งที่เรากำลังรอคอยตอนนี้คืออัลบั้มใหม่ล่าสุดของเธอที่จะออกมาในหน้าร้อนปีนี้ แน่นอนว่าเราคาดหวังกับมันไว้มากพอสมควร เนื่องจากผลงานที่ผ่านมาของเธอทั้งที่ดังและไม่ดังเป็นผลงานที่เรียกได้ว่ากราฟไม่ตกเลย ไม่ว่าจะเป็นซิงเกิลอย่าง Joyride หรือ Hynotize You เราก็เลยต้องคาดหวังไว้เป็นธรรมดา

giovanca

หวังว่าคงจะเป็นที่ถูกใจกันบ้างสำหรับสาวผิวดำเสียงดีที่เราได้พามาแนะนำให้รู้จักกันในวันนี้ ยังไงก็ย้ำเตือนกันอีกนิดว่าเราจะยังพาสาวๆล็อตต่อไปมาให้ทำความรู้จักกันอย่างแน่นอน


Monday 6 May 2013

อินโด GO เกาหลี


หลายคนอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อนว่านอกจากประเทศไทยเราที่มีกระแสเกาหลีฟีเวอร์แล้วเนี่ย ในบรรดาประเทศเพื่อนบ้านเราแถบตะวันออกเฉียงใต้ก็บ้าเกาหลีอย่างเราเหมือนกัน เช่น ฟิลิปปินส์ เวียดนาม หรืออินโดนีเซียเองก็เช่นกัน วันนี้เราเลยจะมาแนะนำเกิร์ลกรุ๊ปและบอยแบนด์จากอินโดที่อยากจะโกเกาหลีให้ได้รู้จักกัน

CherryBelle


หรือที่เรียกอีกชื่อว่า Chibi ประกอบด้วย 9 สมาชิกสาววัยใสที่ผ่านการออดิชั่นจากสาวๆในอินโดทั้งหมดกว่า 400 คน สำหรับซิงเกิลเดบิวท์ที่ชื่อว่า Dilema นี้ ถึงแม้ตัวเพลงจะไม่ได้มีอะไรหวือหวา หรือแม้แต่ตัว mv เองก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมาก แค่ออกมาเต้นๆในสตูฯเฉยๆสลับกับฉากที่มีพระเอก แต่ความสดใสแบบมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของสาวๆแต่ละคนก็กินขาด ไม่ได้ออกมาเหมือนกันเป็นบล็อกๆจาก cookie cutter เหมือนประเทศต้นฉบับ แอร๊ย ส่วนตัวเราเองชอบ Gigi มาก (สาวที่ออกมาร้องเป็นลำดับที่สอง) ถึงกับขั้นตามติดชีวิตดาราในทวิตเตอร์กันเลยทีเดียว

Smash


7 หนุ่มบอยแบนด์สไตล์เกาหลีที่มากับแฟชั่นจัดจ๋า การเต้นที่ปึ้กใช้ได้ ถ้าดูแต่ตาแล้วดูดเสียงออกก็แทบจะไม่คิดว่าเป็นผลงานจากประเทศแถบๆนี้เลยนะเนี่ย เอ๊ะ ยังไงกัน สำหรับแทร็ค Ada Cinta ที่แปลว่า There is love เป็นซิงเกิลเพลงรักหนุ่มสาวที่ถ่ายทอดผ่าน mv ใสๆน่ารัก หนุ่มสาวออกไปแคมปิ้งด้วยกัน มีเรื่องราวการใช้ชีวิตร่วมกัน ที่สำคัญโทนภาพสีอบอุ่นสวย ดูแล้วเพลินตาดี และแน่นอนว่าหนุ่มๆ(และสาวๆนักแสดงประกอบ)นี้ก็ไม่ได้ถูกออกมาจากพิมพ์เดียวกันเหมือนต้นฉบับซะด้วย

ถึงจะนับว่าได้แรงบันดาลใจจากเกาหลีแบบเต็มๆเสียจนมีกระแสตอบรับด้านลบอยู่ไม่น้อย เพราะเท่าที่เราได้คุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อนชาวอินโดของเรา หลายคนพูดตรงกันว่ามีกระแสแอนตี้อยู่จริง เช่นการก็อปปี้มามากเกินไปบ้างละ การลิปซิงค์บ้างละ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเกิร์ลกรุ๊ปและบอยแบนด์ทั้งสองกลุ่มนี้มีความน่ารักอยู่ในตัวเอง เป็นความน่ารักในแบบฉบับของหนุ่มสาวชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเราๆ ที่ไม่ว่าหนุ่มเกาเหลาหรือสาวเกาหลีหน้าไหนก็เลียนแบบไม่ได้

ป.ล.1 ฉันว่า Gigi และเพื่อนๆของเธอดูน่ารักน่ามองกว่าสาวศัลย์ที่เหมือนกันเป็นบล็อกจากประเทศต้นฉบับด้วยซ้ำไป

ป.ล.2 ฉันจะโดนติ่งเกาหลีตบมั้ย ใครช่วยบอกที




Sunday 5 May 2013

ร็อก + มโหรี = ร็อกมโหรี


สิ้นสุดการรอคอยกันเสียที กับโปรเจคเพลงตัวเด็ดจากค่ายสหภาพดนตรีที่เรากำลังจะแนะนำในวันนี้ เรารู้จักโปรเจคที่มีชื่อว่าร็อกมโหรีด้วยความบังเอิญจากกระทู้ในพันทิป เรื่องมันมีอยู่ว่ามีคนมาตั้งกระทู้ถึงโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตัวนึง ที่นำพี่เต๋อ เรวัตมาเป็นพรีเซนเตอร์ แน่นอนว่าไม่ใช่ตัวจริง เพราะพี่แกไปนานแล้ว แต่เขาใช้โปรแกรมซีจีอย่างดีโมหน้าโมร่างพี่แกขึ้นมา แล้วพากย์เสียงทับเอา ซึ่งคนที่มาพากย์เสียงคือนักร้องนำของวงๆนึงที่อยู่ในโปรเจคนี้ อิตาคนที่มาบอกข้อมูลนี้ก็เอาคลิปเพลงของวงที่ว่ามาแปะเอาไว้ด้วย เฮ้อ ท้าวความกันซะยาว และนี่คือที่มาที่ทำให้เราได้รู้จักกับโปรเจคแสนเจ๋งแบบนี้ ไม่พูดพร่ำทำเพลง เรามาดูคลิปแนะนำโปรเจคกันเลยดีกว่า


ทรงไทย: สุกี้ - ค้างคาวกินกล้วย

เป็นเพลงแรกที่เรารู้จักเลย ก็เพราะปีเตอร์นักร้องนำของวงนี่ละที่เป็นคนพากย์เสียงพี่เต๋อ แต่ไหงตอนร้องเพลงตัวเองถึงมีสำเนียงแบบเสก โลโซมาได้นะ งงมากเลย เพลงนี้เอาทำนองมาจากเพลงไทยเดิมที่รู้จักกันดี นั่นก็คือเพลงค้างคาวกินกล้วย เอามาเรียบเรียงใหม่ในสไตล์ร็อกที่มีกลิ่นอายของเมทัลหน่อยๆ พร้อมกับเนื้อเพลงอกหักแบบกวนๆที่เข้ากันดีมากกับเสียงของนายปีเตอร์ ส่วนตัวเราชอบเนื้อมากเลยนะ สร้างสรรค์ดี ตัว mv ก็ฮาๆกวนๆตามสไตล์


The Morning Glory: รักจริงไรจริง - สร้อยสนตัด

ต้องขอบอกเลยว่าตอนแรกแอบคิดว่าเพลงนี้สะเหล่อแน่ๆ ก็ดูชื่อเพลงสิ ฮ่าๆ ได้ฟังครั้งแรก รู้สึกว่าเนื้อท่อนแรกมันออกจะยังไงๆอยู่ ก็อย่างที่พูดแหละว่ามันเหมือนจะสะเหล่อๆยังไงชอบกลไอ้วิธีการเปรียบเทียบที่ว่าจะเป็นนั่นเป็นนี่ให้คนที่รักเนี่ย แต่พอเข้าฮุคไปแล้วนี่แบบ โดนเลย หวานมาก .. ใจไม่ขัดข้องเลย จะเป็นให้เธอเพียงแค่เธอเอื้อนเอ่ย ไม่เคยไม่เคย ไม่คิดจะเป็นให้ใคร .. เฮ้ย มันหวานมากจริงๆ ทั้งที่เป็นโมเดิร์นร็อคแต่มันก็เข้ากับทำนองเดิมของเพลงสร้อยสนตัดมากเลย พอมาถึงท่อนโซโลก็เด็ดไม่แพ้กัน มันเหมือนมาถึงจุดพีคแล้วคลี่คลายพอดีในเวลาสั้นๆ ไม่รู้จะใช้คำยังไงมาอธิบาย เอาเป็นว่าไปลองฟังกันเองดีกว่า mv น่ารักปนตลกนิดๆด้วยนะ


The Lummurve: ท่องคาถา - คลื่นกระทบฝั่ง

โหยย เพลงนี้มีเรื่องให้เขียนเยอะมาก ก่อนอื่นเลยได้ยินมาว่าชื่อวงผวนมาจากคำว่า love mum ไม่รู้จริงหรือเปล่า ถ้าใครได้เจอสาชิกในวงก็ลองถามไถ่เอาเองแล้วกัน เพลงนี้เป็นแนวร็อกอะบิลลี่ที่ไม่ค่อยได้เห็นศิลปินไทยทำกันเท่าไหร่ ส่วนตัวคือเพลงแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ แต่เราว่ามันเข้ากันได้ดีกับทำนองของเพลงคลื่นกระทบฝั่งนะ นอกจากเนื้อเพลงที่มีเนื้อหาแปลกประหลาดแล้ว นักร้องนำแปลกประหลาดยิ่งกว่า ฮ่าๆ คือพี่แกทำรูปปากได้สะใจมาก เคยได้ยินมานานแล้วว่ารูปปากตอนร้องเพลงเนี่ยมันสามารถกำหนดน้ำเสียง โทนเสียง ที่สื่อถึงอารมณ์ได้ ตอนนั้นไม่เข้าใจนะว่าหมายถึงอะไร แต่จากเพลงนี้ทำให้เห็นชัดเลย พี่แกทำปากซะจนเราเมื่อยกล้ามเนื้อปากแทน กว่าแกจะออกเสียงแต่ละคำแกขยับปากเยอะและแรงกว่าการพูดปกติมาก แล้วก็เต้นเยอะมาก ตัวแทบจะหักเอาทีเดียว


Diamond Dust: Want Need Love - ลาวเจริญศรี

ก่อนอื่นเลย นักร้องนำน่ารักอะ ฮ่าๆ ส่วนตัวชอบเพลงลาวเจริญศรีมากอยู่แล้วเป็นทุนเดิมด้วยทำนองที่หวานหยดย้อย ตอนแรกยังสงสัยว่าเขาจะเอามาทำเป็นโมเดิร์นร็อกยังไง เพราะรู้สึกว่ามันช่างห่างไกลกันมาก แถมชื่อเพลงก็เดาะภาษาปะกิตเข้าไปอีก แต่เขาทำได้ ขึ้นเพลงมาด้วยทำนองลาวเจริญศรีที่คุ้นเคยกันดี บรรเลงด้วยขลุ่ย จากนั้นกีต้าร์ก็ลีดตามมาเลยทีเดียว เนื้อเพลงก็ใช้ภาษาสมัยใหม่นี่แหละ แต่ไม่ได้ถูกบิดวรรณยุกต์ให้เข้ากับทำนองไทยเดิมจนเพี้ยนเสียงไป ถือว่าเป็นปฏิภาณชั้นเลิศของคนแต่งและคนเรียบเรียงเลยนะ ที่ชอบอีกจุดนึงคือเบสไลน์เขาแน่นหนึบดี แล้วก็มีแรพเล็กๆแทรกในเพลงด้วย แต่ mv ขอบอกตรงๆว่าเพลียจิต ถ้าไม่ได้หน้าตาน่ารักๆของโบ้นักร้องนำ และกล้ามแน่นๆหุ่นเซี๊ยะจากฟิลลิปส์มือเบสและบ็อบมือกลอง ก็คงไม่เหลืออะไรให้ติดตามเลยจริงๆพับผ่า


อบเชย: โชว์ห่วยคนสวยใจดำ - แขกมอญบางขุนพรหม

เป็นเพลงที่ทำ mv ออกโปรโมทเป็นตัวสุดท้าย เพลงร็อคโจ๊ะๆจากวงชื่อไท๊ไทยวงนี้นำทำนองเพลงแขกมอญบางขุนพรหมมาเรียบเรียงใหม่ เราชอบที่การใช้ภาษา การเล่นคำในเนื้อเพลง ที่มีการล้อไปกับเพลงรักจากที่บางปะกง เหมือนกับว่ามันมีทำนองท่อนนึงที่ตรงกัน สำนวนเปรียบเทียบก็ดูโบราณนิดๆ ลูกทุ่งหน่อยๆ เหมือนเป็นร็อกติดลูกทุ่งยังไงประมาณนั้นเลย เพลงนี้ตอนฟังรอบแรกเหมือนจะไม่ค่อยชอบนะ แต่พอฟังซ้ำก็ได้เห็นถึงไหวพริบในการเล่นคำ การใช้ภาษา ต้องยอมเขาเลย ตัว mv ก็ดูได้พอเพลินๆ นึกถึงฉิ่งฉับทัวร์ดีอะ


ที่น่าเสียดายคือพอหมดโปรเจคนี้แล้วแต่ละวงก็จะกลับไปทำเพลงร็อกตามแนวทางของตัวเอง อยากให้มีโปรเจคดีๆแบบนี้ออกมาอีก ทำให้คนรุ่นหลังได้รู้จักเพลงไทยเดิม ที่พอเอามาผสมผสานแล้วมันห่างไกลจากคำว่าเชยไปมาก มากหลายล้านปีแสงเลยแหละ

mqdefault


Saturday 4 May 2013

อับดุลไม่วุ่นวายคือเจ้าชายกาแฟ


ถ้าคิดว่าวันนี้เราจะมาแนะนำเพลงจากซีรีส์เกาหลี ขอบอกว่าคิดผิด แต่เรากำลังจะแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับอับดุล .... อับดุลคนนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการโชว์ปาหี่ตามงานวัดของไทย อับดุลคนนี้คือเจ้าชายกาแฟที่มีทฤษฎีการทำเพลงให้ออกมากลมกล่อมเหมือนกาแฟชั้นยอดที่ผ่านฝีมือบาริสต้าคนเก่งจากร้านชื่อดัง

ด้วยความที่เขาเป็นนักร้องนำก็เลยทำให้ภาพพจน์ของเขาเหมือนหัวหน้าวงไปโดยปริยาย Abdul & The Coffee Theory เป็นวงป็อบแจ๊สแบบมาตรฐาน เครื่องดนตรีแจ๊สที่มักจะพบเห็นได้ในวงป็อบแจ๊สทั่วไปก็สามารถหาได้ในวงนี้ แต่สิ่งที่ทำให้งานออกมากลมกล่อมเหมือนกาแฟชั้นดี เราคิดว่าอยู่ที่การเรียบเรียงทั้งพาร์ทของดนตรีและการร้องให้ออกมาเข้ากันได้ดีแบบที่เป็นอยู่นี้ เท่าที่ติดตามผลงานมาเรากล้าพูดเลยว่าเป็นวงดนตรีของอินโดนีเซียที่มีแฟนจากประเทศเพื่อนบ้านต่างๆเยอะมาก ซึ่งแน่นอนว่าเราก็เป็นหนึ่งในนั้น ยังรอคอยที่จะได้ไปดูสดใน Java Jazz Festival อยู่เสมอ

แทร็คแนะนำคงหนีไม่พ้น Happy Ending ที่แค่เห็นชื่อเพลงก็รู้ว่าจะต้องเป็นเพลงฟีลกู้ดแน่นอน ยิ่งได้ดู MV ยิ่งเห็นได้ชัด ฟังครั้งแรกก็ติดหูเลย ส่วนตัวเวลาฟังเพลงนี้ทีไรจะรู้สึกว่าโลกมันสดใสและมีความหวังเสมอ อยากให้ลองฟังกัน ถึงจะฟังไม่เข้าใจแต่เพลงมันน่ารักมาก ต้องชอบกันแน่นอน


สำหรับแทร็คอื่นๆอาจจะไม่หวือหวาเท่าไหร่นัก แต่สำหรับคอป็อบแจ๊สคงต้องบอกเลยว่าฟังกันได้เพลินๆแบบไม่ต้องคิดมาก เพราะเป็นงานที่จัดอยู่ในมาตรฐานที่ดีพอตัว และสำหรับใครที่นึกครึ้มอยากจะลองแจ๊สบ้างก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ดีกรีความเป็นแจ๊สนับว่ายังไม่แรงเกินที่มือใหม่จะรับไหว ที่ต้องพูดดักไว้อย่างนี้เป็นเพราะว่าเราเจอหลายคนมากที่พูดทำนองว่าเพลงแจ๊สแบบหนักหน่วงนั้นเขาหูไม่ถึง ซึ่งจริงๆมันไม่ใช่วิธีคิดที่ถูกต้องนะ เราก็เลยต้องแนะนำให้เริ่มหัดฟังไปแบบเป็นขั้นเป็นตอนดีกว่า เริ่มจากป็อบแจ๊สที่ฟังง่ายแบบนี้นี่แหละ


งานของ Abdul & The Coffee Theory คงจะไม่ใช่แจ๊สที่มีรสจัดจ้านร้อนแรง หากแต่มันเหมือนกาแฟชั้นดีรสนุ่มที่ผ่านมือบาริสต้าคนเก่งอย่างอับดุลและเพื่อนๆของเขานั่นเอง

ป.ล. ถ้าอับดุลจะผอมกว่านี้สัก 10 โล และสูงกว่านี้อีก 10 เซน เขาจะหล่อมาก ว่ามั้ย


Friday 3 May 2013

ปล่อย bossa ออกจาก lounge


ถ้าจะพูดถึงดนตรีแจ๊สกับบอสซาโนวาแนวใหม่ที่กำลังนิยมกันตอนนี้ ก็คงหนีไม่พ้นแนว jazz lounge หรือว่า bossanova lounge ที่มีศิลปินใหม่มากหน้าหลายตาเอาเพลงที่รู้จักกันดีมาทำใหม่ ในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่ามีเยอะมากเลยไอ้งานเพลงพวกนี้ สำหรับเราบอกตรงๆว่ามันเยอะ จนเฝือ จนเบื่อ จนเอียน เรียกได้ว่าเราแทบไม่มีไว้ในครอบครองเลยนะงานพวกนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราไม่นับเพลงที่เป็นออริจินัลอยู่ในตัวมันเองนะ แบบนั้นเราชอบเลยแหละ แต่ประเภทเอางานเก่าชั้นครูมา cover ใหม่เนี่ย ขอทีเหอะ ทั้งไทยทั้งเทศแหละ ชั้นเบื่อ ชั้นเอียน ทีนี้ก็มาดูอัลบั้มเพลงที่ทำให้เราเปลี่ยนความคิดดีกว่า

jazz80s_3

Jazz and 80s Vol.3 มีเพลงที่โดดเด่นอยู่หลายเพลงด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือเมื่อ Scubba จับมือกับ Lizette เอางานชิ้นเอกของ Micheal Jackson มาทำใหม่ในแนว bossanova lounge ทำให้เพลงที่มีภาพพจน์แบบ gangster อย่าง Beat It กลับนุ่มลงแบบไม่น่าเชื่อ ด้วยเสียงฟลุทในช่วงอินโทรทำให้เมโลดี้ที่คุ้นเคยกันดีของเพลงนี้ถูกบรรเลงออกมาอย่างอบอุ่นน่าประหลาด ไม่ดุดัน ขึงขัง ชวนมีเรื่อง ท้าตีท้าต่อยเหมือนของต้นฉบับ ส่วนเสียงร้องไม่ต้องพูดถึง ก็นุ่มแบบเรื่อยๆมาเรียงๆกันไป เรียกว่าเข้ากับดนตรีได้ทีเดียวแหละ


สำหรับแทร็คถัดมาที่อยากจะพูดถึงก็คือ Don't You Want Me งานเก่าของ The Human League ที่นำมาทำใหม่โดย Stella Starlight Trio ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นวงทรีโอแจ๊ส ซึ่งไม่ทำให้เราผิดหวังเลย ตัวเพลงเปลี่ยนรูปแบบไปจากเดิมมาก จากที่เป็นเพลงยุคดิสโก้จังหวะหนึบๆ กลายมาเป็นงานแจ๊สอย่างดีด้วยเครื่องดนตรีเพียงสามชิ้น ฟังแล้วให้ความรู้สึกเหมือนได้ไปนั่งดริงก์เก๋ๆอยู่ในค็อกเทลบาร์ที่ไหนสักแห่ง แกล้มด้วยเพลงดีๆจากวงแจ๊สมากฝีมือ


จบกันที่แทร็คสุดท้ายที่อยากจะแนะนำในวันนี้คือ Jump ของ Van Halen แทร็คนี้เป็นอะไรที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย เพราะเป็นเพลงที่มีกลิ่นอายของดนตรีฮาร์ดร็อคของยุค 80 อย่างแท้จริง สำหรับเด็กที่เกิดมากลางยุค 80 อย่างเรา ถึงแม้จะยังเล็กเกินจะฟังเพลงฝรั่ง แต่บอกได้เลยว่าผ่านหูมาแล้วแน่นอน ด้วยตัวเพลงที่เป็นร็อคนี้บวกกับเสียงของ Eddie Van Halen ทำให้เพลงมีเอกลักษณ์อย่างมาก แต่นั่นก็ไม่มากเกินกว่าที่ Cassandra Beck จะล้างมันซะใหม่เช็ดขนาดนี้ ด้วยลีลาการร้องอย่างนักร้องแจ๊สผิวดำ ขอสารภาพตรงนี้เลยว่าเราไม่รู้จักเธอมาก่อน ทันทีที่ฟังครั้งแรกยังคิดว่าคนร้องน่าจะหน่วยก้านเดียวกับ Billie Holiday ไปโน่นเลย

คงจะไม่ผิดนักที่จะบอกว่านี่คืออัลบั้มเพลงที่เหมาะกับคนรักแจ๊สที่หลงใหลในดนตรียุค 80 อย่างแท้จริง


Thursday 2 May 2013

ฝรั่งร้องเพลงไทย


ถ้าจะพูดถึงฝรั่งร้องเพลงไทย เราเชื่อว่าหลายๆคนจะต้องนึกไปถึงสองนักร้องลูกทุ่งโจนัสหรือไม่ก็คริสตี้แน่นอน เพราะนักร้องสายเลือดต่างชาติสองคนนี้โด่งดังและประสบความสำเร็จในวงการเพลงลูกทุ่งบ้านเรามานาน มีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง หรือไม่ก็อาจจะนึกถึงฝรั่งในยูทิวป์บางคนที่บ้าเพลงไทยเข้าเส้น อัดคลิปตัวเองร้อง cover เพลงไทยไว้มากมาย แต่สำหรับฝรั่งร้องเพลงไทยคนที่จะพูดถึงในวันนี้ เขาร้องเพลงไทยสมัยใหม่ เพลงไทยที่ฟังง่ายๆสไตล์อคูสติค แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ง่ายมากไปจนกลายเป็นเพลงตลาดที่ฟังกันเกร่อ ฝรั่งคนนี้เป็นใคร ลองมาดูกัน

Ashley Kenedy นักดนตรีหนุ่มจากอังกฤษเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อมาเป็นศิลปินในประเทศไทย เขาออกผลงานชุดแรกในนามว่า Aplin อ่านว่า แอปพลิน ด้วยสไตล์การเล่นกีต้าร์แบบอคูสติคผสมผสานกับฝีมือการแต่งเพลงและการร้องด้วยภาษาไทย ทำให้งานของหนุ่มอังกฤษคนนี้น่าสนใจมาก ถ้าฉันจำไม่ผิด เขาน่าจะเป็นนักร้องฝรั่งคนแรกที่ออกผลงานเป็นภาษาไทยที่เป็นเพลงไทยสากล อัลบั้ม All For You งานชุดแรกของเขานี้ออกกับค่ายปรินาม แค่ฟังชื่อค่ายก็รู้สึกว่าเป็นอะไรที่อินดี้ซะเหลือเกินแล้ว

ซิงเกิลเปิดตัวที่มีชื่อว่าวันเดิมเดิม เป็นเพลงที่พูดถึงการรอคอยใครสักคนในที่เดิมๆและเหตุการณ์ที่ผ่านไปแบบซ้ำๆเดิมๆ เรียกว่าถ่ายทอดความเหงาของคนที่ไม่มีใครนี่แหละ สำหรับเราบอกตรงๆว่าไม่ค่อยชอบแทร็คนี้เท่าไหร่ เพราะร้องแล้วฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง พอฟังไม่ค่อยรู้เรื่องมันก็เริ่มหงุดหงิดแล้ว ถึงดนตรีจะดีเอาการอยู่ก็ตาม มันก็ทำให้ตัวเพลงน่าเบื่อไปเลย

สำหรับซิงเกิลที่สองนี้ เรียกได้ว่าเป็นเพลงที่ดีที่สุดในทั้งอัลบั้มเลยก็ว่าได้ คืนที่พิเศษ ได้แจ็ค The Rovers มาร่วมงานด้วยในส่วนของเนื้อร้องและทำนอง จากที่เกือบจะไม่ติดตามต่อเพราะซิงเกิลแรกแล้ว แต่เพลงนี้เป็นเพลงที่พิเศษสมชื่อจริงๆ เนื้อหาเกี่ยวกับการสัญญาว่าจะอยู่ข้างๆคนรักตลอดไป โรแมนติคเว่อร์ๆ ยิ่งใครมีแฟนเป็นต่างชาติด้วยแล้ว ฟังแล้วอาจจะแอบอินได้ไม่ยาก อารมณ์ประมาณว่าแฟนมาร้องให้เองอะไรอย่างงี้เลย แถมมีท่อนที่คุณแจ็คมาร่วมร้องด้วย ทำให้ช่วยตัดเลี่ยนเปลี่ยนบรรยากาศได้ดีทีเดียว ความจริงเพลงนี้ก็ปล่อยออกมานานแล้วนะ ปลายปี 2011 ได้
มาถึงซิงเกิลล่าสุดที่ตัดออกมาเมื่อปีกลาย เป็นซิงเกิลที่สามที่ชื่อว่าตลอดไป ในพาร์ทของดนตรี สำหรับเราคิดว่าไม่มีที่ติอยู่แล้ว ดีเหมือนเดิม แต่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมมากก็คือการร้องที่ชัดถ้อยชัดคำขึ้น ฟังรู้เรื่องขึ้นเยอะ จุดที่เสียกลับเป็นตัวเนื้อเพลงที่เนื้อหาดีอยู่แล้วเชียว แต่ว่าร้อยเรียงออกมาไม่ค่อยติดหูเท่าไหร่เลย ฟังแล้วเหมือนผ่านเลยไปเลย แต่ถ้าจะฟังเอาเพลินๆนี่ก็ได้อยู่
 

เราก็ไม่ได้อยากจะให้มีการตัดเกรดของผลงานดนตรีหรืออะไรนะ เพราะส่วนตัวเชื่อว่าใครจะชอบไม่ชอบมันก็เป็นเรื่องของรสนิยม แต่ขอแนะนำให้ใครที่เบื่อและเอียนกับเพลงตลาด หรือเอียนเพลงที่พยายามจะเป็นอินดี้ ลองไปหางานของ Aplin มาฟังกันดู ภาพรวมอาจจะไม่หวือหวานัก แต่เราเชื่อว่าคุณจะได้ฟังเพลงดีๆอย่างแน่นอน


Wednesday 1 May 2013

ตกหลุมรักสาวอินโดหน้าคมเข้าอย่างจัง


เป็นเวลาประมาณปีครี่งได้แล้วที่เราหันมาติดตามวงการเพลงจากประเทศเพื่อนบ้านเรา เริ่มแรกด้วยเพลงของมาเลเซียจากเพื่อนสนิทชาวมาเลย์ แล้วค่อยแตกหน่อมาที่เพลงจากอินโดนีเซียในที่สุด ซึ่งมันก็ทำให้เรามารู้จักกับสาวอินโดหน้าคมคนนี้ และตกหลุมรักเธอเข้าอย่างจัง

raisa

เธอชื่อว่า Raisa Andriana เพิ่งจะอายุ 22 เท่านั้นเอง เธอออกซิงเกิลตัวแรกที่ชื่อ Serba Salah ความจริงต้องบอกว่าเราสะดุดตากับภาพที่ถูกย้อมด้วยสีโทนอุ่นของ MV ของเธอเลยกดเข้าไปดู เดาว่าคงเป็นเทรนด์การถ่ายทำที่ได้รับความนิยมมากในวงการเพลงแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตอนนี้ เพราะไม่ว่าวงไหนๆก็ใช้เทคนิคนี้กันเยอะมาก รวมไปถึงหลายๆวงในบ้านเราและศิลปินจากอินโดนีเซียอีกหลายกลุ่ม ขอสารภาพเลยว่าตอนแรกเราไม่ได้คาดหวังอะไรมากนะ อาจจะเป็นอคติก็ได้ที่ทำให้เรารู้สึกอยู่นิดหน่อยว่า MV ที่โดนย้อมสีสไตล์นี้มักจะเป็นของเพลงที่ไม่ค่อยถูกหูเราเท่าไหร่ แต่กับเพลงของสาวคนนี้เราคิดผิดถนัด


แน่นอนว่าเราฟังภาษาบาฮาซาไม่เข้าใจหรอก แต่มันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการตกหลุม(รัก)เลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ลองเอาเนื้อเพลงไปแปลในกูเกิลอย่างงูๆปลาๆก็ได้ความหมายมาคร่าวๆว่า เป็นความรักที่ไม่สมหวัง ฉันผิดตรงไหน ทำอะไรพลาดไปเถึงต้องเป็นอย่างนี้ ไม่นะ ไม่อยากเจ็บอีกแล้ว ขอทีเถอะ จะว่าไปแล้วก็เป็นเนื้อหาเพลงอกหักช้ำรักที่มีกันดาดดื่น แต่ด้วยความใสของดนตรีกับเสียงของเธอ และอาจจะเป็นเพราะเราฟังไม่เข้าใจด้วย เลยกลายเป็นทำให้เพลงมันมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด


ซิงเกิลถัดมาที่มีชื่อว่า Could It Be สาวหน้าคมคนนี้ก็ยังไม่ทำให้เราผิดหวัง ตัวเพลงยังคงเป็นป็อบใสๆเหมือนเดิม แต่มีจังหวะที่กระฉับกระเฉงขึ้น ซึ่งก็เหมือนเคยที่เรายังคงฟังออกน้อยถึงน้อยมาก รู้เรื่องแค่ 3-4 คำเท่านั้น แต่เราก็พยายามเรียนภาษาของเขาอยู่นะ เพราะที่จะได้ฟังเข้าใจมากขึ้น


ปลายปีที่ผ่านมาเธอก็ออกซิงเกิลมาอีกหนึ่งตัว Melangkah ยังคงเป็นเพลงจังหวะหนึบๆเหมือนเดิม ถึงจะไม่ค่อยมีอะไรแตกต่างจากซิงเกิลก่อนหน้ามากมายนัก แต่ส่วนตัวเรายังไม่เบื่อนะ ก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน

มาต่อที่ซิงเกิลล่าสุดของปีนี้กันเลยดีกว่า แวบแรกที่ได้ฟังก็รู้สึกคุ้นหู อินโทรดูคล้ายๆซาวด์แทร็คของหนัง Mr.Bean ยังไงชอบกล อาจจะไม่เหมือนเป๊ะ แต่เรียกว่าฟังแล้วนึกถึงก็แล้วกันละ Pergilah ไม่ได้เป็นเพลงป็อบใสๆแบบสามเพลงที่ผ่านมาแล้ว เป็นเพราะมีกลองที่แน่นขึ้น รวมทั้งเครื่องเป่าที่ถูกเพิ่มเข้ามาจนเพลงมีลีลาที่จัดจ้านขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่ที่ไม่เปลี่ยนแปลงเลยคือความสวยคมของนาง


แนะนำซิงเกิลกันแบบจัดเต็มซะขนาดนี้ คงไม่ต้องบอกแล้วนะว่าเราปลื้มเธอมากขนาดไหน นอกจากนี้แล้วเรายังได้ตามไปฟังเพลง cover version อื่นๆอีกจำนวนนึง เป็นเพลงสากล ยอมรับเลยว่าเธอเสียงดีเข้าขั้นเลยจริงๆ

ป.ล. ใครว่าไรซาดูคล้ายปุยฝ้าย af บ้าง ขอให้ยกมือขึ้น