HomeAboutMusic DataMusic QuotesContact

Saturday 28 December 2013

My Favourite Track of 2013 List


จะเรียกว่าเป็นธรรมเนียมที่ทำกันมาช้านานในช่วงสิ้นปีของวงการสื่อมวลชนเลยก็ว่าได้ เมื่อช่วงสิ้นปีมาถึงก็จะต้องมีการรวบรวมเอาเรื่องราว เหตุการณ์หรือสิ่งของอะไรที่เป็นที่นิยมหรือพูดถึงกันในวงกว้างของปีนั้นมาทบทวนให้คนได้ทราบกันอีกครั้ง บล็อกเกอร์อย่างเราๆก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นบล็อกสายไหนก็ตาม แฟชั่นบล็อกเกอร์ก็นิยมรวบรวมชุดสุดฮอทหรือชุดสุดพลาดของดาราและคนดังประจำปี บิวตี้บล็อกเกอร์ก็ชอบรวบรวมไอเท็มชิ้นโปรดเป็นการกระตุ้นยอดขายให้แบรนด์อีกเฮือกก่อนปิดยอดประจำปี แม้แต่ไอทีบล็อกเกอร์ก็ยังมิวายรวบรวมแก็ดเจ็ดรุ่นเด่นน่าจับตาประจำปีให้คนอ่านได้เลือกหาซื้อกันเป็นของขวัญในเทศกาลนี้ สำหรับบล็อกเกอร์ที่เขียนเกี่ยวกับเพลงอย่างเราก็ไม่ยอมน้อยหน้า เราจะต้องเข็นเอาลิสท์เพลงโปรดประจำปีออกมาให้จงได้ คัดสรรกันมาอย่างดีทั้งเพลงไทยและเทศ ปะปนกันไปหลากหลายแนวเพลง จนได้มาทั้งหมด 20 เพลงด้วยกัน ตามนี้

1. Again - Stimmhalt



งานเพลง deep house ดีๆที่ไม่ควรมองข้าม สัมผัสกับความเย็นไปกับศิลปินหนุ่มจากจอร์เจีย รับประกันว่าถูกใจแน่นอน

2. แค่อยากจะขอ - จีน กศิดิษ



เจ้าแม่เพลงอิเล็คทรอนิคส์ป็อบ-ร็อกของเมืองไทย พูดได้เต็มปากว่านาทีนี้ยังไม่มีใครโค่นบัลลังก์ตัวแม่อย่างเธอได้เลย

3. On Our Way - The Royal Concept



ถึงจะเป็นเพลงที่ดังมาจากการได้ประกอบเกมอย่าง Fifa 2014 แต่เนื้อหาและความหมายที่สื่อถึงพลังของวัยสดใสนั้นจับใจสุดๆ

4. Raw Love - Kris Chaovalit



อีกหนึ่งเพลงรักที่สื่อถึงความรักที่บริสุทธิ์ มันเพียวมากซะจนเหมือนของดิบก็ไม่ปาน คริสทำให้เราหลงรักเธอเข้าเต็มเปาเลย

5. Giving It All - Bondax



งานอิเล็คทรอนิคส์ที่รับประกันเลยว่าจะต้องชอบตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งเพลง มีความป็อบอยู่ในตัวอย่างเหมาะเจาะ ยากที่จะไม่ชอบ

6. The Wire - Haim



สามสาวพี่น้องจากแอลเอที่มากับเพลงอัลเทอร์เนทีฟร็อกเท่ๆ แต่เรียบง่าย ไม่ยุ่งยาก แถมน่าสนใจมากด้วย

7. Bad - Wale



เพลงฮิปฮอปเนื้อหาแร๊งส์สำหรับสาวมั่นแห่งยุคถูกถ่ายทอดจากมุมมองของชายหนุ่ม สาวคนนี้เธอเปรี้ยวกล้าแต่ทว่าร้าวราน

8. World - สุรสีห์ อิทธิกุล



เมื่อรุ่นใหญ่มากฝีมือปล่อยผลงานเพลงร็อกความหมายดีออกมาให้เราฟังกันอีก ฝีไม้ลายมือยังคงจัดจ้านถึงใจเช่นเคย

9. Pumping Blood - NONONO



ถ้าจะพูดถึงเพลงประกอบโฆษณาที่ดังที่สุดในปีนี้ ก็คงจะหนีไม่พ้นแทร็คนี้เป็นแน่แท้ แบรนด์เขาดังซะจนพานักร้องให้ดังไปตามๆกัน

10. Fake Your dream - Ain't No Love



อีกหนึ่งเพลงอิเล็คทรอนิคส์ป็อบที่ผสมกับกลิ่นอายของฮิปฮอปได้อย่างลงตัว ใครที่ฟังแล้วไม่ติดหูก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วเนี่ย

11. Can't Afford It All - Jakubi



เป็นแทร็คที่ฟังแค่ไม่ถึง 10 วินาทีก็ต้องร้องกรี๊ดออกมาเพราะว่ามันป็อบและขายสุดๆไปเลย ฟังแล้วต้องขยับแข้งขยับขาตามรัวๆ

12. Drops - Jungle



งานอิเล็คทรอนิคส์โซลที่เนี้ยบสะอาดหมดจดทุกหยดหยาดสมชื่อเพลงเลยทีเดียว บวกกับเสียงสไตล์ black voice ที่ชวนหลงใหล

13. Without You - Dillon Francis ft. Totally Enormous Extinct Dinosaurs



ด้วยยอดฟังถล่มทลายหลายแสนภายในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือนคงจะเป็นเครื่องการันตีคุณภาพของเพลงนี้ได้อย่างไม่ยากเย็น

14. Incredible - Brice Fox ft. Matty Rico



แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเหลือเชื่อ เพราะฉะนั้นคงไม่ต้องโฆษณาบรรยาสรรพคุณอะไรให้มากความหรอกมั้ง

15. Atlantis - Postiljonen



นานๆทีที่เราจะได้เห็นงานอิเล็คทรอนิคส์ที่เหมือนผสมกลิ่นอายของเพลงแจ๊สเข้าไว้ด้วยกันแบบนี้ เป็นอะไรที่เคลิบเคลิ้มใจมาก

16. Don't Give Up - Washed Out



งานอิเล็คทรอนิคส์สาย chillwave ที่มีจังหวะจะโคนพอประมาณแต่ยังฟังได้สบายๆ ฟังแล้วอยากไปขับรถเล่นสักสองสามรอบ

17. Another Day - Chuck Love



นี่คืออีกบทพิสูจน์นึงว่างานอิเล็คทรอนิคส์เฮ้าส์ก็สามารถทำให้ฮิตได้ด้วยกลิ่นอายความป็อบสูตรสำเร็จแบบตีหัวเข้าบ้าน

18. Can't Get Enough - Yeah Boy



แค่เพียงโน้ตตัวแรกขึ้นมาก็ทำให้ไหล่ขยับได้แล้ว ไม่เชื่อก็ลองกดฟังงานอิเล็คทรอนิคส์เฮ้าส์ที่มีส่วนผสมของ synth-pop นี้ดูสิ

19. Here With Me - Sango



งาน RnB หนึ่งเดียวที่ได้เข้ามาในลิสท์ black voice นุ่มๆ กับจังหวะจะโคนดนตรีที่เท่เหลือใจ คงไม่ต้องย้ำนะว่าทำไมถึงชอบ

20. Circle Down - AYER



แม้จะเป็นแทร็คเดบิวท์ แต่งานอินดี้ป็อบผสมสไตล์ย้อนยุคแบบนี้ก็โดดเด้งกระแทกหูกระแทกตาใครหลายคนเข้าจนได้

ก็จบลงไปแล้วสำหรับทั้ง 20 อันดับงานเพลงที่เราชอบประจำปี 2013 นี้ ชอบหรือไม่ชอบเหมือนกันยังไงก็ลองมาคุยกันได้ ใครมีแทร็คไหนเจ๋งๆที่เราอาจจะพลาดไปก็ให้รีบแนะนำมาด่วนๆเลย ไม่อยากจะพลาดของดีก่อนจะสิ้นปีน่ะ สำหรับช่วงหยุดปีใหม่นี้คงไม่ได้เดินทางไปไหนไกล ก็เลยจะยังคงอัพบล็อกกันไปแบบต่อเนื่อง ถ้าไม่ติดขี้เกียจซะก่อนน่ะนะ

ทิ้งท้ายกันสักนิดกับเรื่องที่อาจจะไม่เกี่ยวอะไรกับการฟังเพลงของพวกเราเลย ถ้าสังเกตกันให้ดีจะเห็นว่าปุ่ม play ของเครื่องเล่นเพลงที่เรานำมาจาก Soundcloud.com เนี่ยมันเป็นสีม่วง (ต่างจากปกติที่เรามักจะใช้สีดำ) เมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมาทาง PANTONE ได้ประกาศ color of the year 2014 ออกมา ได้แก่สีม่วงในแบบที่เห็น ซึ่งมีชื่อสีอย่างทางการว่า radiant orchid เราจะใช้มันเป็นสีของปุ่ม play เริ่มจากวันนี้ไปตลอดทั้งปี 2014 ที่จะมาถึง และเราจะเปลี่ยนสีใหม่ตามเทรนด์ที่ทาง PANTONE เลือกไปทุกๆปี หวังว่าจะยังคงติดตามกันอยู่นะ

post signature

Saturday 14 December 2013

10 all time favourite RnB & gospel songs


ตั้งใจเอาไว้ว่าในช่วงคริสต์มาสนี้เรานำเสนอ 20 อันดับเพลงโปรดประจำปี 2013 ให้ได้รู้กัน เพราะมันเป็นเหมือนธรรมเนียมของคนที่ทำบล็อกเพลงที่จะต้องเขียนรวบรวมแทร็คเด็ดประจำปีเอาไว้ รับรองว่าจะได้อ่านกันแน่นอน จากจุดนั้นเราเลยได้ไอเดียว่าจะนำเสนอ all time favourite บ้าง เป็นการรวบรวมเอาเพลงโปรดในหลายๆแขนงไว้ด้วยกัน เป็นการทบทวนตัวเองไปในตัวและเป็นการแลกเปลี่ยนความชอบกันระหว่างเรากับคนอ่าน จริงๆการทำแบบนี้มีประโยชน์ก็คือมันจะทำให้เราดูออกว่าใครมีเทสต์แบบไหน อ้างอิงได้จากเพลงโปรดในท็อปลิสท์แบบนี้แหละ เวลาที่เข้ามาอ่านโพสต์ของเราแล้วเห็นเราแนะนำอะไรแบบไหน จะได้เห็นภาพจากแบ็คกราวด์การฟังเพลงของเรา แล้วเปรียบเทียบกับของตัวคุณเองได้ถูกว่าจะชอบแบบเราหรือจะเซย์โนกับมัน สำหรับลิสท์แต่ละตัวของเราถ้าอ่านแล้วชอบเหมือนกันหรือชอบอะไรที่ต่างออกไปก็แนะนำกันเข้ามาได้ตลอด ไม่ต้องกลัวว่าเราจะถือสาหาความ อย่าลังเลที่จะแนะนำอะไรใหม่ๆให้เรา ดีเสียอีกที่จะได้เปิดโลกการฟังเพลงของเราและคุณให้กว้างกว่าเดิม

เกริ่นกันมานานพอแล้ว สำหรับลิสท์แรกที่จะนำเสนอคงจะหนีไม่พ้นแนวเพลงที่เราชื่นชอบที่สุดในบรรดาสายเพลงร้อง ก็คือ RnB และ gospel นั่นเอง เราหลงใหลในเสียงแบบ black voice ชื่นชอบในเทคนิคการริฟเสียงแบบที่นิยมใช้กันในเพลงสไตล์นี้ อีกทั้งยังมีการแอดลิบและอิมโพรไวซ์ที่หลากหลาย เรียกว่าร้องทีไรมันก็จะไม่ซ้ำกันเลยสักครั้ง ทั้งหมดทั้งปวงนี้นำมาซึ่งอาการที่เราเรียกว่าฟินรูหู หรือจะเดาะภาษาอังกฤษเท่ๆก็เรียกว่า eargasm ก็ได้ เอาละ ขอเชิญรับชมและสำราญไปกับ 10 เพลงโปรดในแนว RnB และ gospel ของเราได้แล้ว ณ บัดนี้ อ้อ ไม่ได้เรียกลำดับตามความชอบมากน้อยแต่อย่างใดนะ

1. Never Too Much - Luther Vandross



เพลง RnB ต้นยุค 90 ที่เราชอบมากๆ ส่วนตัวแล้วด้วยความเป็นเด็กยุค 90 แบบเราก็ต้องบอกเลยว่าไม่ได้ทันฟังเพลงนี้ออกมาในปีที่มันฮิต เราเกิดกลางยุค 80 ก็จริง แต่ยังฟังไม่ค่อยออกเท่าไหร่ มาคุ้นๆเอาก็จากที่น้าชายเปิดฟังกันในบ้านนี่แหละ เรียกว่าโตมากับเพลงทั้งจากยุค 80 และ 90 เลยก็ว่าได้ แต่มันก็เป็นอะไรที่แค่คุ้นหูแล้วผ่านเลยไปในวัยเด็ก จนเมื่อต้นปีนี้แหละ มีโอกาสได้ไปคอนเสิร์ทของนักร้องคนไทยที่เราชอบมากๆ แล้วเขาเอาเพลงนี้มาร้องด้วย ฟังแล้วนึกขึ้นได้ทันทีว่าเป็นเพลงนึงที่เราเคยชอบมากสมัยเด็ก กลับบ้านมาแล้วก็มาหาฟังซ้ำอีกที จากวันนั้นก็เลยฟังซ้ำไปซ้ำมาจนถึงตอนนี้ มันอาจจะไม่ใช่เพลงที่มีเทคนิคจัดจ้านอะไร ดนตรีก็เรียบๆ แต่ทำให้เราชอบได้มากๆเลย

2. My Girl - The Temptations



ถ้าพูดถึงนักร้องผิวดำระดับตำนานแล้ว จะข้ามวงนี้ไปก็คงให้อภัยตัวเองไม่ได้แน่นอน เป็นเพลงจากนักร้องผิวดำยุค 60 ที่ฮิตข้ามทศวรรษจริงๆ ครั้งแรกที่รู้จักเพลงนี้เราไม่ได้ฟังจากต้นฉบับ แต่ได้ฟังเวอร์ชั่นที่ไมเคิล หว่องนำมาร้องในอัลบั้มเพลงของเขา ถึงแม้จะไม่ใช่ต้นฉบับแต่ก็ทำให้เราชอบเพลงนี้ไปเลย มาได้ฟังต้นฉบับเอาจริงๆก็หลังจากนั้นมาเกือบ 5 ปีน่าจะได้ จากหนังชีวประวัติของวงที่ออกฉายในช่อง Hallmark ดูแล้วเต็มอิ่มไปกับเพลงจากยุคโมทาวน์ และแฟชั่นของ 5 หนุ่มเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นหนังอีกเรื่องนึงที่ทำให้เรากลายเป็นคนชอบดูหนังเพลงไปเลย มีหนังเพลงเรื่องไหนออกมาไม่ว่าจะเป็นดนตรีแขนงไหน เราไม่เคยพลาด

3. His Eye Is On The Sparrow - Lauryn Hill and Tanya Blount



ไหนๆก็พูดถึงหนังเพลงแล้ว ก็ขอต่อกันที่เพลงนี้ที่เป็นเวอร์ชั่นในหนังเพลงเลยก็แล้วกัน SIster Act 2 เป็นหนังภาคต่อที่แจ้งเกิดนักร้องเสียงทองหลายๆคน รวมทั้ง Lauryn Hill ด้วย เรารู้จักหนังเรื่องนี้และเพลงประกอบทั้งหมดก็ในช่วงเดียวกับที่ดูหนังประวัติ The Temptations นี่แหละ และหนังเรื่องนี้ก็ทำให้เราได้รู้จักกับแนวเพลง gospel และหลงรักมันมาจนถึงทุกวันนี้เลยทีเดียว เรารักเพลงนี้มากมาตั้งแต่สมัยที่เรายังไม่เป็นคริสเตียนเลยด้วยซ้ำ เป็นเพลงที่ฟังทีไรก็รู้สึกถึงพลังและทำให้มีน้ำตาปริ่มๆทุกทีไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชั่นไหนก็ตาม ทุกวันนี้ได้แต่บอกตัวเองว่าคงเป็นเสียงเรียกของพระเจ้าที่ส่งถึงเราผ่านเพลงนี้มานานแสนนานแล้ว และก็เช่นกันในงานคอนเสิร์ทของนักร้องคนโปรดเมื่อตอนต้นปีเขาก็ร้องเพลงนี้ด้วย ฟังแล้วฟินจริงๆ

4. I Swear - All 4 One



มาที่เพลงที่เรียกว่าเป็นเพลงเปิดโลก RnB ของเราเลยก็ว่าได้ เพลงนี้อยู่ในยุค 90 ช่วงนั้นเราเรียนประถมเอง 8-9 ขวบได้มั้ง แต่เพลงนี้ฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมืองจริงๆ สำหรับเรามันเป็นเพลงที่ฝ่ากระแส RS Grammy ครองเมืองเข้ามายังหูเราจนได้ เสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของนักร้องชายผิวดำ (จริงๆในวงมีคนขาวด้วย น่าจะเป็น hispanic จำไม่ผิด) ผสมเข้ากับเทคนิคการแอดลิบและอิมโพรไวซ์เป็นอะไรที่ตื่นตาตื่นใจตื่นหูของเด็กประถมแบบเราในสมัยนั้นมาก คือเกิดมาไม่เคยฟังอะไรแบบนี้จริงจังมาก่อน ตื่นตะลึงพรึงเพริดมาก นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราหันมาสนใจเพลงสากลด้วยเหมือนกัน

5. Anything - 3T



สำหรับเพลงนี้คงต้องเรียกว่าเป็นเพลงที่หลงหายไปในเสี้ยวนึงของความทรงจำ มันออกมาในปี 1995 เป็นช่วงที่เรากำลังบ้าบอยแบนด์ในตำนานของบ้านเราเอามากๆ ไม่ค่อยได้สนใจเพลงสากลเท่าไหร่ ถึงเพลงจะเข้าหู แม้กระนั้นก็เลือนลางมากในความทรงจำ แต่ท่อนเอื้อนของมันเป็นอะไรที่ติดตรึงอยู่เสมอในซอกเสี้ยวของความรู้สึก คุ้นหูคุ้นใจแต่นึกไม่ออกว่าเป็นเพลงของใครเพลงปีไหน จนเมื่อต้นปี 2011 เราก็ค้นพบมันเข้าอีกทีโดยบังเอิญ วินาทีนั้นน้ำตาแทบไหล มันเหมือนได้เจอคนรู้จักที่ถึงแม้จะไม่สนิทมากแต่เราก็พลัดพรากกันไปนาน คืนนั้นจึงจัดการดาวน์โหลดมาและเปิดฟังทั้งคืนจนหลับไป

6. Back At One - Brian McKnight



เพลงรักหวานหยดอีกเพลงที่คอ RnB หลายๆคนชื่นชอบและเราก็เป็นหนึ่งในนั้น คงจะไม่ต้องร่ายยาวอะไรมากสำหรับเพลงนี้ ด้วยเทคนิคและน้ำเสียงแบบนี้แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่คนแบบเราจะไม่ชอบ ตอนนั้นเราฟังภาษาอังกฤษออกเยอะแล้ว เรียกว่าฟังเพลงสากลรู้เรื่องและเข้าใจเกินครึ่ง เลยซาบซึ้งและอินไปกับมันได้มากยากเลย เป็นเพลงที่เรารอคอยจะได้เห็น cover version จากนักร้องคนโปรด และก็เป็นที่น่าแปลกใจว่าในการประกวดหลายๆรายการไม่ค่อยมีคนนำเพลงนี้ไปใช้กันเท่าไหร่เลย เราว่ามันได้โชว์อะไรเยอะออกนะ หรือเราไม่เห็นเองก็ไม่รู้สิ

7. I Believe I Can Fly - R Kelly



เพลงจากหนังอีกแล้ว เรียกว่าเป็นเพลงระดับตำนาน RnB ยุคใหม่อีกเพลงเลยทีเดียว ใครไม่จัดเราจัดเอง นอกจากเนื้อเพลงที่จรรโลงใจให้ความหวังแล้ว เพลงนี้ยังมีดีที่วงประสานเสียงในช่วงท้าย อลังการงานสร้างมากๆ เพราะลำพังแค่เสียงคนดำและเทคนิคก็ทำให้เรารักมันมากอยู่แล้ว นี่เพิ่มวงประสานเสียงที่เป็นคนดำล้วนๆเข้ามาทั้งวงอีก ตายสิคะคุณ ความฟินขั้นสุดยอดบังเกิด เพลงนี้เป็นเพลงที่เราคิดว่าถ้าเราไปประกวดร้องเพลง เราก็อยากจะเลือกไปออดิชั่นแหละ ทั้งๆที่ก็ไม่ได้มีความสามารถที่จะทำได้แบบนั้นนะ แต่เพลงมันเก๋าจริงๆ

8. Emotion - Destiny's Child




ถ้าพูดถึงเพลง RnB ยุคใหม่แล้วจะไม่พูดถึงเพลงของ 3 สาวนี้ก็อาจจะดูแปลกๆอยู่ เป็นการเอางานของ Bees Gees กลับมาทำใหม่ในรูปแบบ RnB ที่เรียบเรียงเสียงประสานได้อย่างลงตัวสุดๆ สำหรับเราคิดว่าดีกว่าต้นฉบับเสียอีก เพราะด้วยเนื้อหาแล้วมันดูจะตรงกับจริตหญิงมากกว่าที่จะเป็นเพลงที่สื่อสารออกมาโดยผู้ชาย ฟังแล้วปวดอกปวดใจไปตาม 3 สาวในเพลงซะจริงๆเชียว เรื่องของเสียงและเทคนิคนั้นไม่ต้องพูดถึง เจ๋งอยู่แล้ว

9. If I Ain’t Got You - Alicia Keys



มาถึงนักร้องหญิงเดี่ยวกันบ้าง นี่เป็นอีกเพลงที่เราชอบช้าไปจากช่วงที่มันฮิตอยู่หลายปี เพลงเขาออกมาตอนปี 2003 เราเพิ่งจะมาคลั่งไคล้เอาตอนกลางปี 2005 เพราะตอนนั้นโดนบอกเลิก เลยหาเพลงฟังเพื่อเพิ่มดีกรีความเจ็บปวด ฟังแล้วร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลัง เป็นอีกเพลงที่ชอบมากๆไม่ว่าใครจะเอามา cover ต่อ ยิ่งถ้าเป็นคนดำด้วยกันแล้วยิ่งจะชอบเป็นพิเศษเลย ก็อย่างเวอร์ชั่น battle หยุดโลกของ Jessie และ Anthony นั่นไง ฟังแล้วเหมือนเลือดแทบจะสาดออกมาจากทวารทั้งเก้าทั้งแปดเลยทีเดียว

10. I’ll Make Love To You - Boyz II Men



ขอปิดท้ายที่วงบอยแบนด์ผิวดำในตำนาน เป็นวงที่เรียกว่าคอ RnB บ้านเราเริ่มหัดฟังจากวงนี้เป็นส่วนมากเลยก็ว่าได้ สำหรับเพลงนี้ไม่มีอะไรต้องพูดให้มากความ สุดยอดไปทุกอย่างให้ตายเถอะโรบิน ทั้งเทคนิค ทั้งเนื้อเสียง ทั้งเสียงประสาน ไหนจะยังมีเนื้อหาที่ชวนวาบหวิวใจอีกตะหาก เพอร์เฟ็คแบบนี้เอาไปสิบเต็มค่ะ

จบลงไปแล้วสำหรับ 10 เพลงโปรดในสาขา RnB ของเรา ความจริงยังมีอีกมากมายหลายเพลงที่ชอบ แต่ถ้าจำเป็นต้องตัดให้เหลือแค่ 10 จริงๆก็คงเป็นตามที่เห็นนี้แหละนะ ถ้าจะให้เราสรุปง่ายๆว่าทำไมเราถึงรักและหลงใหลใน RnB มากนัก อย่างแรกก็คงเป็นที่เนื้อเสียงของคนดำที่ไม่เหมือนใครจริงๆ และก็เทคนิคการร้องแบบเฉพาะที่หาไม่ได้ในเพลงแนวอื่น รวบกันออกมาแล้ว บู้มมม กลายเป็นโกโก้ครั้นช์ เฮ้ยย เดี๋ยวๆ ไม่ใช่ละ เอาดีๆก็คือรวมสองอย่างนี้เข้าด้วยกันแล้วความฟินมันบังเกิด แล้วก็ใช่ว่าเราจะฟังแต่นักร้องดังๆเท่านั้นนะ นักร้องโนเนม นักร้องที่ไม่มีกระแสในบ้านเราเลยเราก็ฟังได้หมด ขอแค่คุณเป็นคนดำและทำพลง RnB เราก็ชอบแล้ว



Friday 13 December 2013

W8


หลังจากที่รอมานานก็ได้ฟังกันซะที กับซิงเกิลใหม่ของจีน กษิดิศที่มาพร้อมกันกับตัว MV รอกันสมชื่อเลยทีนี้ เพราะแทร็คนี้มีชื่อว่ารอ หรือจะเขียนแบบเก๋ไก๋ได้อีกแบบว่า W8 (อ่านออกเสียงว่า wait) ดูสิ เก๋ไก๋สมกับที่เป็นเพลงของตัวแม่จริงๆ



ตัวเพลงนั้นไม่มีอะไรให้ติเลย เป็นเพลงช้าที่ไม่ช้ามาก ดนตรียังคงเป็น electro-pop ในแบบที่จีนถนัด ในส่วนของเนื้อหาค่อนข้างเป็นความรักในมุมบวก พูดถึงการรอคอยคนบางคนที่ยังไม่หายดีจากอาการช้ำรัก รอวันที่เขาพร้อมที่จะจับมือและก้าวไปในวันใหม่ด้วยกัน เป็นเพลงรอรักอย่างมีความหวัง ไม่โวยวายฟูมฟาย อาจจะมีตัดพ้อด้วยความน้อยใจบ้างเล็กๆตามประสาหญิงที่มีจริต สรุปว่าฟังแล้วน่าจะชุ่มชื่นหัวใจเป็นอย่างดี

สำหรับตัว MV จะไม่พูดถึงก็จะกระไรเลย ได้ดาราระดับนางเอกแม่เหล็กอย่างชมพู่มาเล่นให้จะข้ามไปได้ยังไงกัน MV ตัวนี้ก็ยังคงเป็นฝีมือของผู้กำกับคู่บุญอย่างอาร์ท อารยา ซึ่งเราไม่เข้าใจว่าชีเป็นสไตลิสท์แล้วจะมากำกับ MV อะไรเหรอ แต่ก็นั่นแหละ มันเลยกลายเป็นการโชว์ฝีมือสไตลิ่งของนางไปโดยปริยาย ชมพู่และนักแสดงประกอบชายมาในชุดแปลกๆประหนึ่งว่ายกกองไปถ่ายแฟชั่นเซ็ทให้แพรวที่ทะเลแถบอันดามันที่ไหนสักที่ มีทั้งชุดดำเรียบๆเหมือนเสื้อซับใน มีทั้งชุดหรูหรากรุยกรายประดับขนนกเพิ่มบนกบาล หนักๆเข้ามีหางนางเงือกด้วยเว้ย ดูไปงงไปว่ามันเกี่ยวกับการรอใครสักคนให้ลืมอดีตและรับรักเราตรงไหน (วะแม่ง) ท้ายสุดยิ่งเด็ด หักมุมโดยการให้ทุกอย่างเป็นเพียงแค่การหลับฝันไปของชมพู่ แถมพวกผู้ชายที่เห็นในฝันแต่กี้ก็คือเพื่อนสาวหล่อล่ำหุ่นดีของนาง ที่ยกพวกมาเที่ยวทะเลกันกับพี่จีน ใช้เสียงพากย์ทับแบบไม่ซิงค์กับปากด้วยนะ เห็นชัดเจนว่าปากงับไม่ตรงคำเลย เสียงพากย์ออกสาวอีกตะหาก โอยย ตายๆๆ เพลงดีมากแต่ MV ไม่เอาอ่าวเลยจริงๆ

สรุปคือรออัลบั้มเต็มออก จะไม่หวังอะไรกับวิดิโอแฟชั่นประกอบเพลงอีกแล้ว 


Thursday 12 December 2013

AYER - Circle Down


วันนี้มีงานใหม่จากนักร้องหนุ่มที่ก็หน้าใหม่อีกเช่นกันจะมาแนะนำให้ฟัง เขาคือ AYER และเป็นแทร็คเดบิวท์ของเขาเลย กับซิงเกิลที่ชื่อว่า Circle Down การทำงานชิ้นนี้เกิดขึ้นร่วมกับโพรดิวเซอร์อีกคนนึงที่ชื่อ Micky Valen และด้วยดนตรีสไตล์ synth แบบย้อนยุคที่ไปด้วยกันได้ดีกับเสียงแหลมแต่เซ็กซี่ของเขาทำให้เพลงน่าจดจำเป็นอย่างมากเลย

จำได้ว่าแชร์เพลงนี้ใน Twitter ตั้งแต่วันแรกๆที่ได้ลองฟัง หลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน AYER ก็มาเห็นเข้าและกด favourite แถม follow เสร็จสรรพเลย ถึงแม้ว่าจะอ่านภาษาไทยไม่ออกก็ตาม ให้มันได้ยังงี้ รับรองเลยว่าเราจะติดตามผลงานของนายต่อไป และจะเขียนเชียร์ให้ด้วยนะ จุ๊บๆ






ผ่านมาเกือบครึ่งปี MV ออกมาให้ชมแล้ว


หลังจากที่ Again แทร็คโปรดของเราที่เป็นผลงานจาก Stimmhalt ได้ออกมาให้ได้ยินได้ฟังเป็นครั้งแรกเมื่อช่วงกลางปี มาวันนี้เวลาก็ล่วงมาเกือบจะครบครึ่งปีอยู่รอมร่อ MV จึงมีออกมาให้ได้ชมกัน ไม่เคยคิดว่าจะมี เลยไม่เคยคาดหวังว่าจะเจอความแปลกใหม่อะไรมากนัก ประหลาดใจแค่อย่างเดียวตรงที่เจ้าตัวแสดงเองด้วยเนี่ยแหละ ลำพังตัวเพลงเองทรงพลังและดีมากพอที่จะไม่ต้องไปให้ความใส่ใจกับตัว MV มากนัก เรียกว่าดูกันไปแบบขำๆ ฟังเพลงเอามันดีกว่า