Irma ... เธอกลับมาแล้ว

ยังจำสาวผิวดำเสียงสวยคนนี้ได้มั้ย หลังจากที่เราได้แนะนำเธอให้รู้จักไปตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว เราก็แทบไม่ได้พูดถึงเธออีกเลย ในขณะที่สาวๆคนอื่นในลิสท์ I love her black voice นั้นต่างก็ทยอยมีผลงานออกมากันคนละชิ้นสองชิ้นแล้ว แต่ไม่กี่เดือนมานี้ Irma ก็เข็นผลงานของเธอออกมาจนได้ค่ะ

สำหรับอัลบั้มที่ 2 ของเธอนี้มีชื่อว่า Faces ซึ่งจะออกวางจำหน่ายในวันที่ 2 เดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ แต่ซิงเกิลที่ปล่อยออกมาเป้นการเรียกน้ำย่อยนั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 ตัวค่ะ 

เริ่มกันที่ Hear Me Out ที่ปล่อยออกมาต้นเดือนกุมภาที่ผ่านมาค่ะ ทันทีที่ได้เห็น mv เราก็รู้สึกถึงความหม่นที่สะท้อนออกมาได้เป็นอย่างดี จัดว่าเป็นเพลงบัลลาดในสไตล์หม่นๆที่เข้ากับเธอมากเลยแหละ เนื้อหาสะท้อนถึงสภาพสังคมในยุคปัจจุบันที่เราจะสามารถพบการใช้ความรุนแรงได้ทั่วไป ไม่เว้นแม้กระทั่งกับเด็ก ที่น่าประหลาดใจนิดๆคือ Irma เธอทำอะไรบางอย่างที่คล้ายๆการเต้นด้วย ไม่แน่ใจว่าจะเรียกเต้นดีหรือเปล่า ยังไงลองดู mv ก็จะเห็นเองค่ะ

Trouble Maker เป็นซิงเกิลตัวถัดมาที่ตัดออกโปรโมทพร้อมกับ mv ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศน่ารักๆของเมืองปารีสในฤดูร้อน ทันทีที่ได้ยินเพลงทำให้เรารู้สึกเหมือนย้อนเวลาไปกับงานเพลงยุคประมาณ Cindy Lauper หรืออะไรทำนองนั้นเลย ซึ่งนับว่าผิดคาดมากพอสมควร เพราะมันไร้กลิ่นอายโฟลค์ที่เราเข้าใจว่าเป็นเอกลักษณ์ของเธอไปอย่างสิ้นเชิง แต่ถามว่าชอบมั้ย ชอบมากเลยแหละ
และก็เช่นเคยที่ทั้ง 2 แทร็คนี้เป็นฝีมือการแต่งเนื้อร้องและทำนองของเธอเองทั้งหมด เราชอบนะที่จะได้เห็นศิลปินอายุน้อยที่ทำเพลงเองทั้งหมดแทบจะทุกขั้นตอน แถมเนื้อเพลงยังมี message ที่พยายามจะสื่อสารอะไรบางอย่างไปยังผู้คนในสังคมนี้ด้วย มันทำให้เรารู้สึกว่าดนตรีคือสิ่งจรรโลงโลกและสามารถเปลี่ยนแปลงผู้คนได้อย่างแท้จริง

อัลปาก้ายังคงน่ารัก

การกลับมาอีกครั้งหลังจากเว้นช่วงไปพักใหญ่ของเรา ขอสารภาพกันตรงนี้เลยว่าไม่ได้ติดงานด่วนหรือกิจธุระสำคัญอื่นใดเลยจริงๆ นอกเสียจากว่าติดแฟน (ว้าย เขิน) เอาละ หลังจากสารภาพแล้วเราตั้งใจว่าจะต้องมีความเป็นมืออาชีพให้มากกว่านี้ จะพยายามอัพบล็อกอย่างสม่ำเสมอกว่านี้ค่ะ

นอกจากจะมีเราที่เว้นช่วงไปพักใหญ่ Alpaca Sports เองก็เว้นช่วงจากการออกซิงเกิลมานานไม่ต่างกัน เมื่อ 3 เดือนที่แล้วพวกเขากลับมากับซิงเกิลใหม่พร้อม mv ที่ชื่อว่า Just like Johnny Marr ที่ยังคงคาแร็กเตอร์ของความเป็นสวีดิชป็อบใสๆไว้ได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน ตัวเพลงมีจังหวะมีเดียมที่ไม่ถึงกับเร่งเร้าหวือหวา แต่ก็ไม่ได้เอื่อยเสียจนชวนให้หาวหวอด ลองไปฟังกันเลยดีกว่านะ

ในส่วนของ mv ได้ยกกองไปถ่ายทำกันไกลถึงประเทศญี่ปุ่นเลยเชียวนะ เห็นบรรยากาศยามค่ำคืนของโตเกียวและฉากเปิดที่อยู่ในห้องพักของโรงแรมแล้วอดคิดถึงภาพยนตร์เรื่อง Lost in Translation ไม่ได้เลย โดยรวมแล้วก็คงต้องบอกว่าประทับใจไม่ต่างกันทั้งภาพและเพลงนั่นละค่ะ