HomeAboutMusic DataMusic QuotesContact

Wednesday 31 July 2013

Incredible - Brice Fox [Official Lyrics Video]


ไม่ได้อัพบล็อกมาติดต่อกันหลายวันพอสมควร เนื่องจากไม่ค่อยมีงานอะไรน่าสนใจออกใหม่เท่าไหร่เลย มันอาจจะน่าสนใจสำหรับคนอื่นก็ได้มั้ง แต่ยังไม่ใช่สำหรับเรา ส่วนเรื่องที่ตั้งใจว่าจะเขียนก็ยังแอบหมักดองไว้เล็กน้อย แต่เหลือไม่เยอะแล้วละ จะทยอยเข็นออกมาให้อ่านกันแน่นอนในเร็ววันนี้


เอาเป็นว่ามาดูความคืบหน้าเล็กน้อยจาก Brice Fox แล้วกัน ที่ตอนนี้มี official lyrics video ออกมาให้ได้ชมกันกับแทร็ค Incredible ฟังเพลินดูเพลินตามสไตล์เพลงป็อบเลยเชียวละ สำหรับใครที่เพิ่งได้มาอ่านตอนนี้เป็นครั้งแรก ก็ย้อนกลับไปฟังงานอื่นของเขาได้นะ กับอัลบั้ม Okay, Hello. ที่เขียนถึงเอาไว้



Saturday 27 July 2013

Does anybody know the way to Atlantis?


ประโยคคำถามนี้คงจะเป็นที่คุ้นเคยกันดีสำหรับนักฟังเพลง เพราะ Gregg Alexander แห่ง New Radicals และ Mady Moore เคยถามมันเอาไว้เมื่อหลายปีมาแล้วในเพลง Someday We'll Know แล้วใครละที่จะบอกทางไปยังดินแดนลึกลับที่ชื่อว่าแอทแลนติสได้


Postiljonen ทำให้เราค้นพบกับดินแดนลึกลับนี้ กับซิงเกิลล่าสุดของพวกเขา Atlantis วงทรีโอจากสวีเดนวงนี้ทำงานเพลงในรูปแบบ dream pop ที่จัดว่ามีพื้นฐานมาจากดนตรีอิเล็คทรอนิคส์นั่นเอง แต่พวกเขาเอาเสียงแซ็กโซโฟนที่เล่นในสไตล์ป็อบแจ๊สมาใส่ไว้ในงานชิ้นนี้ด้วย ทำให้เพลงมีรสชาติของความเป็นป็อบแจ๊สผสมอยู่ บวกกับพื้นฐานของ dream pop ที่ดนตรีจะล่องลอย ชวนฝัน ทำให้ได้ความรู้สึกเหมือนตีตั๋วไปยังแอทแลนติสซะจริงๆ

สำหรับแทร็คนี้จะอยู่ในอัลบั้มใหม่ของพวกเขา ซึ่งก็คือ Skyer และก็แน่นอนว่าเราจะจับตาดูผลงานของพวกเขาต่อไป เพราะเชื่อเหลือเกินว่าจะต้องมีอะไรดีๆออกมาอีกอย่างแน่นอน

ป.ล. ถ้าใครชอบงานเพลงสไตล์นี้ลองติดตาม Washed Out ดู จะได้รสชาติคล้ายๆกัน


Friday 26 July 2013

Cro กับงานแนวใหม่ที่เรียกว่า Raop


หนุ่มเยอรมันนามว่า Carlo Waibel เป็นทั้งนักร้อง แรพเพอร์ โพรดิวเซอร์ ดีไซเนอร์ มากับงานเพลงแนวใหม่ที่เป็นส่วนผสมของป็อบและแรพ เขาให้ชื่อมันว่า Raop (อ่านออกเสียงว่า เร-ออพ) ซึ่งตอนนี้เขาอยู่ภายใต้สังกัด Chimperator จุดเด่นอีกอย่างนึงของเขานอกจากผลงานแล้ว ก็เห็นจะเป็นการไม่เปิดเผยหน้าตาของตัวเองนี่ละ เขามักจะสวมหน้ากากยางรูปแพนด้าไว้เสมอ ความจริงเราก็ไม่แน่ใจว่านั่นคือตัวเขาหรือเปล่าหรือเป็นแค่พระเอกมิวสิควิดิโอที่จะต้องปรากฎตัวในทุกเพลง แต่เอาเป็นว่าผู้ชายภายใต้หน้ากากแพนด้าถือเป็นไอคอนของเขาก็แล้วกัน


งานเพลงชิ้นแรกของเขาที่เรารู้จักก็คือ Einmal um die Welt แน่นอนว่าเราฟังไม่ออกแม้แต่นิดเดียว ซึ่งมันเป็นข้อดีในความรู้สึกของเรานะ เพราะมันทำให้เราได้พิจารณากับดนตรีอย่างจริงจัง มากกว่าที่จะสนใจความหมายของเนื้อหา สำหรับแทร็คนี้ต้องบอกว่ามีความเป็นป็อบค่อนข้างสูงเลยละ เป็นป็อบแนวอินดี้แบบที่พบได้ทั่วไป แต่เรารู้สึกว่าเขาทำออกมาได้ติดหูดีนะ


จากงานชิ้นแรกที่รู้จัก ทำให้เราต้องย้อนไปหางานเก่ามาฟัง เริ่มจากงานเมื่อปี 2011 อย่าง Easy ที่มีดีกรีความเป็นแรพสูง แต่ก็ไม่ได้เป็นการแรพแนวก่นด่าสังคมหรืออะไรดาร์คๆขนาดนั้นนะ ยังเป็นงานแรพแบบโลกสว่างอยู่ ไว้ใจได้สำหรับใครที่ไม่ชอบแรพที่มันฮาร์ดคอร์จนเกินไป


ความจริงแล้วงานเพลงที่มีส่วนผสมระหว่างป็อบและแรพก็มีให้เห็นกันมานานแล้ว เพียงแต่ไม่ได้มีใครสนใจที่จะไปขนานนามให้กับมัน หรือปลุกปั้นมันอย่างจริงจังจนกลายเป็นแนวใหม่ขึ้นมา เราก็เพิ่งจะมาเห็นจาก Cro นี่แหละ และเขาก็เคลมว่าตัวเองเป็นราชาแห่งเรออพซะด้วยสิ ถึงเราจะชอบงานของเขาไม่เบา แต่เราก็ยังไม่ด่วนเชื่อนะ ขอเวลาตัดสินในงานชุดหน้าก็ละกัน


Bad again!


ไม่กี่วันมานี้ เราได้เห็นว่า Wale ออก Bad ในเวอร์ชั่นใหม่มา เป็นเวอร์ชั่นที่ทำออกมาร่วมกับ Rihanna ซึ่งก็เป็นไปตามคาด เสียงสไตล์เป็ดห่านของนางยังคงพบได้ในซิงเกิลนี้ ตัวเพลงเรียบเรียงไม่ต่างจากเดิมมากเท่าไหร่ คือมันต่างแหละ แต่ไม่ได้ต่างมากจนพลิกโฉมไปเลยอะไรแบบนั้น เท่าที่ฟังเสียงตอบรับก็มีทั้งติและชมปนกันไป ส่วนตัวยังคงชอบเวอร์ชั่นเดิมที่ Tiara Thomas ร้องไว้มากกว่า มันดูเศร้าหม่นกว่า กินใจไปกับความหมายของเพลงมากกว่าเวอร์ชั่นยัยห่าน เอาเป็นว่าลองฟังดูแล้วกันว่าจะชอบหรือเปล่า





Thursday 25 July 2013

I'm from Barcelona


อย่างที่หลายๆคนรู้กันดีว่าเราหันมาติดตามงานสวีดิชป็อบเมื่อไม่กี่ปีให้หลังมานี้เอง และเราก็หลงรักมันหัวปักหัวปำเลยแหละ มันน่าแปลกมากที่เราจะรู้สึกถึงแรงดึงดูดอะไรบางอย่างของมัน คล้ายๆกับว่าเป็นสัมผัสที่หกที่ส่งผ่านมาถึงเรา อย่างเช่นเมื่อกลางปี 2011 เราเห็นรุ่นพี่ที่รู้จักกันคนนึงแชร์เพลงไว้ในเฟซบุค พี่คนนี้เขาไปเรียนด้านอาร์ทที่สวีเดน และด้วยสัมผัสลึกลับบางอย่างที่ส่งถึงเรา ก็ทำให้เราได้มารู้จักวงสวีดิชป็อบที่มีสมาชิกมากถึง 29 ชีวิตอย่าง I'm from Barcelona นี้


สำหรับแทร็คแรกที่ทำให้ได้รู้จักกันก็คือ Always Spring ซึ่งเป็นซิงเกิลที่ออกมาใหม่ในช่วงเวลานั้น เรียกว่าได้ฟังกันแบบใหม่ๆซิงๆเลยทีเดียว และด้วยดนตรีที่สดใสรับกับชื่อเพลง ฟังแล้วชอบอย่างไม่ยากเย็นเลย เป็นเพลงที่เหมาะแก่การออกไปเริงร่าในหน้าร้อนเป็นอย่างมาก ปิคนิคในพาร์ค ถีบจักรยาน บาร์บีคิวที่สวนหลังบ้าน เล่นน้ำ เดินริมหาด ไม่มีอะไรจะสุขไปกว่านี้แล้ว เชื่อเหอะ


ในช่วงปลายปี 2011 ก็มีออกมาอีกแทร็ค Come On เป็นเพลงที่มีจังหวะเร่งเร้ากว่าเดิมมากพอสมควร แต่กลิ่นอายของความเป็นสวีดิชป็อบก็ยังไม่จางลงแม้แต่น้อย ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าคนสวีเดนทุกคนเขามีจังหวะนี้อยู่เต็มในสายเลือดกันเลยหรือไงนะ หรือไม่หัวใจก็คงเต้นเป็นจังหวะที่มันแสนจะจิงเกิลแจงเกิลแบบนี้น่ะ


และเมื่อต้นปี 2012 เขาก็มีงานน่ารักๆมาให้ติดตามกันเหมือนเคย ด้วยชื่อเพลงที่ดูเหมือนจะขึงขังอย่าง Battleships ทันทีที่กดเพลย์ เสียงคอรัสน่ารักๆก็พุ่งเข้ากระทบหูอย่างจัง เป็นอะไรที่ขัดกับชื่อเพลงมาก อารมณ์ประมาณว่าหยิบวิดิโอม้วนนึงมา (ฮะ วิดิโอเหรอ?! นี่แหละเด็กยุค 80) ดูจากหน้าปกแล้วคาดว่าจะได้ดูหนังบู๊ยิงกระจาย ไม่ก็หนังโหดอย่างซอว์ แต่พอยัดม้วนเข้าเครื่องเล่น (ฮะ ใครยังใช้เครื่องเล่นวิดิโอกันอยู่อีก?!) ภาพที่เห็นกลับเป็นรายการเทเลทับบี้ไปซะฉิบ

ตอนนี้ทางวงยังไม่มีงานใหม่อะไรออกมา เพราะกำลังอยู่ในช่วงตะลอนทัวร์ไปทั่วโลก ไอ้เรารึก็ใจร้อนอยากจะฟังงานใหม่เร็วๆแล้วสิ เพราะเรารู้ว่าเราจะต้องหลงรักมันได้แน่ๆเลยละ


Wednesday 24 July 2013

Carousel กับอีก 2 แทร็คต่อเนื่อง


หลังจากที่ได้แนะนำงานกันไปหนนึงแล้ว มาวันนี้ Jackson Philips และ Kevin Friedman หรือที่พวกเรารู้จักกันในนาม Carousel ก็ได้เข็นซิงเกิลออกมาติดต่อกันถึงอีกสองชิ้น ก่อนที่พวกเขาจะปล่อยอัลบั้มเต็มที่มีชื่อว่า Palms ออกมาในช่วงต้นเดือนหน้า



สำหรับซิงเกิลแรกที่จะให้ลองฟังกันก็คือ Not Enough ที่ดีกรีความเป็น synth-pop ยังไม่ตกลงไปแม้แต่น้อย ใครที่ยังคงประทับใจกับซิงเกิลก่อนหน้านี้ ก็ไม่น่าจะผิดหวังกันอย่างแน่นอน



และล่าสุดที่เพิ่งปล่อยออกมาไม่กี่วันที่ผ่านมา Before You เป็นงานช้าๆที่ชวนฝันตามสไตล์ของ dream-pop แบบไม่มีผิดเพี้ยน ฟังแล้วเหมือนตกอยู่ในภวังค์หวานๆ เดินล่องลอยอยู่บนปุยสายไหมสีชมพูที่ส่งมาจากมือพ่อค้าสุดเท่

ก็คงจะต้องพูดประโยคเดิมๆว่าเราจะตั้งหน้าตั้งตาคอยอัลบั้มที่กำลังจะออกมาในเร็ววันนี้ อยากจะเห็นว่าแทร็คอื่นๆจะทำให้เราประทับใจได้เหมือนสามแทร็คที่ถูกปล่อยออกมานำร่องนี่หรือเปล่า


Okay, Hello.


ถ้าจะพูดถึงเพลงป็อบแล้ว หลายคนอาจจะนึกถึงเพลงที่ฟังง่าย ติดหู เป็นงานประเภทตีหัวเข้าบ้าน เป็นงานสูตรสำเร็จ ที่ถูกกลั่นกรองออกมาแล้วว่าทำยังไงมันถึงจะฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมือง หรือบางคนอาจจะมองว่าเป็นงานกระแสหลักที่ฮิตจนเฝือเกินไปในความรู้สึก ยอมรับตามตรงว่าเราก็เป็นหนึ่งในคนจำพวกหลังนี่แหละนะ แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง เราได้ไปเจอเข้ากับงานเดบิวท์ล่าสุดของหนุ่มอเมริกันนายนึง เขามากับงานป็อบแบบวาไรตี้ ที่ทำให้เราต้องหันมามองวงการป็อบใหม่ซะแล้ว

เราเองก็ไม่ค่อยมั่นใจนักว่าวาไรตี้ป็อบเนี่ยเขามีใช้กันในสารบบหรือเปล่า แต่สำหรับเรามันคืองานป็อบที่ผสมผสานเอาดนตรีแนวต่างๆไว้อย่างหลากหลาย เรียกว่าในอัลบั้มนึงมีให้เลือกเสพย์กันหลายแนวหลากอารมณ์เลยทีเดียว และแน่นอนว่าอัลบั้มแรกของพ่อหนุ่ม Brice Fox ก็เต็มไปด้วยความหลากหลายในแบบที่ว่านี่จริงๆ เราจะขอแนะนำไปทีละแทร็คที่เด่นๆเลยแล้วกัน



สำหรับแทร็คเปิดอย่าง Sweet Serenity เป็นป็อบที่ผสมผสานกับฮิปฮอปได้อย่างน่ารักกลมกลืน ความจริงแล้วจะว่ามีกลิ่นของอาร์แอนด์บีแฝงอยู่อีกก็ได้เหมือนกัน ในส่วนของวิธีการร้องที่เรามักจะพบได้มากในเพลงสไตล์อาร์แอนด์บี และด้วยจังหวะฮิปฮอปแบบกลางๆที่ไม่กระแทกกระทั้นจนเกินไปนัก อีกทั้งที่แรพที่ได้ Matty Rico มาช่วย บวกกับสำเนียงร้องแบบป็อบ มันทำให้เพลงนี่เท่สุดๆเลย



แทร็คต่อมาคือ Hold You เป็นอาร์แอนด์บีแบบเต็มขั้น ที่เจือแฝงความป็อบมาพอประมาณ ฟังแล้วเผลอจิ้นไปเองว่าเสียงของพ่อหนุ่มนี่ก็มีส่วนละม้ายคล้ายกับเสียงคนดำอยู่เหมือนกันนะ ด้วยจังหวะจะโคนและเสียงประสานที่เรียบเรียงกันออกมา ทำให้เรารู้สึกว่าเพลงมันเท่ได้อย่างไม่ยากเย็นเลย



Incredible เป็นแทร็คที่เหลือเชื่อสมชื่อเลย เพราะมีส่วนผสมจากทั้งดนตรีอิเล็คทรอนิคส์ ท่อนแรพสไตล์ฮิปฮอป และการร้องสไตล์ป็อบเดิมๆ ทันทีที่แทร็คนี้ขึ้นมา มันทำให้เรารู้สึกว่าเป็นอัลบั้มที่ช่างวาไรตี้ซะจริงๆ มันไม่ใช่แทร็คที่จะทำให้เราร้องว้าวในตัวของมันเอง แต่มันเป็นส่วนเติมเต็มที่สำคัญให้กับทั้งอัลบั้ม ช่วยสร้างความรู้สึกของการเป็นวาไรตี้ป็อบอย่างแท้จริง



สุดท้ายจะขอพูดถึง Sexy Ladies แทร็คนี้มีกลิ่นอายของโซลแฝงอยู่ไม่น้อยเลย กับความวินเทจนิดๆที่เราสัมผัสได้ ทำให้รู้สึกเหมือนงานป็อบต้นยุค 60 หรืองานเพลงที่อยู่ในยุคเดียวกับ The Wonders ได้อารมณ์น่ารักกรุ้มกริ่มเป็นที่สุด แถมเสียงแซ็กโซโฟนขยี้ใจให้อีกด้วยเอ้า

ความจริงยังเหลืออีก 4 แทร็ค จะเขียนซะให้หมดเลยก็ได้ แต่ว่าให้ลองไปติดตามฟังเองดีกว่า เพราะเขาเขียนเพลงเองเกือบทั้งหมดเลยเหมือนกัน ไม่ใช่จะมาขายแต่เสียงหรือสไตล์อย่างเดียวนะ พูดเลยว่าเป็นงานที่เพราะทั้งม้วนจริงๆ


Monday 22 July 2013

chillwave ไม่เคยตาย


งาน chillwave เจ๋งๆไม่มีวันตายหรอก เชื่อเราสิ ลองดูอย่าง Don't Give Up ที่ Washed Out ทำออกมาเมื่อไม่นานนี้ได้เลย ทุกอย่างถูกผสมผสานเข้ากันอย่างลงตัว ทั้งจังหวะจะโคนต่างๆที่มีความป็อบในตัวของมันเอง ฟังแล้วพูดได้เลยว่าเพราะจับขั้วหัวใจจริงๆ


สิ่งเดียวที่ต้องทำตอนนี้คือรออัลบั้มเต็มที่จะออกมาในเดือนหน้า คาดว่าจะไม่ผิดหวังกันอย่างแน่นอน เพราะซิงเกิลก่อนหน้านี้อย่าง It All Feels Right ก็สร้างความประทับใจให้มากมายไม่แพ้กัน


ไดโนเสาร์ตัวสุดท้าย


ย้อนกลับไปช่วงปลายปี 2010 ที่เมืองโฮบาร์ท ประเทศออสเตรเลีย เรากำลังนั่งอยู่ในห้องนอนของหนุ่มอาหรับหล่อคม ใจเต้นไปกับบรรยากาศหวามไหว กลิ่นน้ำหอมที่แสนเร้าใจ และเพลงๆนี้


ก่อนที่อะไรจะเลยเถิดไปกว่านั้น สัญชาตญาณของนักฟังเพลงในตัวเรามันสั่งให้ปรายตาไปที่จอโน้ตบุคเพื่อมองชื่อเพลงและชื่อวงเสียหน่อย ดูและจดจำไว้ในดาต้าเบสส่วนตัว หลังจากนั้นอะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเป็นไป
...

.........

.....

กลับมาสู่โลกความเป็นจริงที่ปี 2013 หนุ่มอาหรับคนนั้นเป็นอดีตไปแล้ว แต่งานเพลงอินดี้ร็อคดีๆยังคงตรึงอยู่ในความทรงจำ

Last Dinosaurs เป็นวงจากออสเตรเลีย ประเทศที่เรากับหนุ่มคนนั้นไปเรียนต่อนี่แหละ หนุ่มๆกลุ่มนี้เพิ่งจะเดบิวท์อัลบั้มในปี 2012 ที่มีชื่อว่า In a Million Years มีแทร็คที่น่าสนใจอย่าง Honolulu ตามที่ได้ฟังไปแล้วข้างต้น ที่เหมือนเป็นซาวแทร็คประกอบชีวิตรักเราเพลงนึง และก็ยังมี Zoom ที่เป็นร็อคแบบหนักแน่นแต่ผสมผสานอิเล็คทรอนิคส์ไว้อย่างเหมาะเจาะลงตัว


กับ Andy ที่น่าสนใจไม่แพ้กันตรงดนตรีที่ติดหู ดูท่าทางน่าจะป็อบได้ไม่ยากเลย


ผลงานของไดโนเสาร์ตัวนี้อาจจะยังไม่จัดจ้านโดดเด้งเข้าตาคนไทยเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะแนวเพลงอินดี้ร็อคในบ้านเรามีตัวเลือกเยอะแยะมากมายจนนับกันไม่หวาดไม่ไหว แต่เราเชื่อว่าถ้าอัลบั้มหน้าพวกเขายังสามารถรักษามาตรฐานเดิมนี้ไว้ได้ วงการอินดี้บ้านเราต้องอ้าแขนรับไดโนเสาร์ตัวนี้ไว้อย่างอบอุ่นแน่นอน


Sunday 21 July 2013

Hiatus Kaiyote กับงานโซลแห่งอนาคต


ไม่ค่อยง่ายนักที่เราจะหางาน neo-soul นอกแถบยุโรปฟังได้ แต่วันนี้เรามาเจอเข้ากับ Hiatus Kaiyote วง 4 คนจากออสเตรเลียที่ชื่อวงแปลกๆเหมือนจะมาจากญี่ปุ่นซะงั้น พวกเขาเรียกแนวเพลงของตัวเองว่า future-soul ซึ่งเราว่ามันก็เข้าท่าดีนะ เพราะจากที่ได้ลองฟังเราก็พบว่ามันก็มีอะไรที่ต่างออกไปจาก neo-soul ฝั่งยุโรปอยู่นิดหน่อย


สำหรับ Nakamarra ที่ก็ชื่อเหมือนจะเป็นเพลงญี่ปุ่นอีกแล้ว งานนี้ทำร่วมกับ Q-Tip ที่มาช่วยร้องฮิปฮอปให้ กลิ่นอายยังคงความเป็น neo-soul อยู่เต็มเปี่ยม แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือจังหวะฮิปฮอปแบบเท่ๆ และเส้นเสียงกรุ๋งกริ๋งบางอย่างที่ให้ความรู้สึกสุกสกาวอย่างประหลาด สมกับเป็นงานโซลแห่งอนาคตอย่างแท้จริง และก็คงจะต้องติดตามกันต่อไปว่าซิลเกิลอื่นๆจากอัลบั้ม Tawk Tomahawk จะมาจากอนาคตสมที่คุยไว้หรือเปล่า


Saturday 20 July 2013

Freshbloom


ส่วนตัวเราไม่ใช่คนที่ติดใจในเพลงแนวร็อคมากมายนัก ยิ่งถ้าเป็นร็อคแบบเพียวๆนี่ละก็นานๆจะหามาฟังที จะมีก็แต่ร็อคที่ถูกผสมผสานเข้ากับอย่างอื่นจนกลมกล่อมแล้วนั่นแหละ ที่เราจะชอบมากหน่อย แต่ร็อคแบบอินดี้ก็ยังเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ร็อคที่เราจับตาอยู่ตลอด



อย่าง Sundara Karma นี่ก็เช่นกัน 4 หนุ่มจากเมืองเรดดิ้งแห่งเกาะอังกฤษ ถึงอายุจะยังไม่มาก แต่ก็ทำเพลงร็อคได้เป็นที่น่าจับตามองเหลือเกิน ทั้งไลน์กีต้าร์ที่คมและเนื้อหาที่เหมือนถูกสลักเสลามาอย่างดี ทำให้แทร็ค Freshbloom นั้นมีคุณภาพสมชื่อเลย สดใหม่และสดใส จับตาจับใจ


งาน ambient ดีๆมีมาอีกแล้ว


พักหลังๆไม่ค่อยได้ตามงานอิเล็คทรอนิคส์สาย ambient เท่าไหร่ แต่วันนี้ไปเจอเข้ากับงานที่โดดเด้งโดนใจ เลยอดไม่ได้ที่จะต้องนำมาฝากกัน



Charles Murdoc โพรดิวเซอร์คนเก่งจากบริสเบนร่วมมือกับ Oscar Key Sung จนเกิดแทร็คชื่อ Dekire ออกมา ซึ่งจะเป็นซิงเกิลแรกของ EP Weathered Straight ฟังแล้วล่องลอยดีเหลือเกิน เหมาะกับจะสรรหามาฟังในบรรยากาศฝนชุ่มฉ่ำของบ้านเราซะนี่กระไร


Snakadaktal - Hung On Tight [Music Video]



จากที่เคยแนะนำให้รู้จักกันไปเมื่อหลายวีคก่อน ตอนนี้มิวสิควิดิโอก็มีออกมาให้ชมกันแล้ว ต้องมาลุ้นกันต่อต้นเดือนหน้าว่าภาพรวมของอัลบั้มเต็มจะเป็นยังไงบ้าง ชักอยากเห็นซิงเกิลต่อไปแล้วสิ


Friday 19 July 2013

If I could ...


ถ้าฉันเพียงแต่ ... นี่เป็นตัวอย่างความคิดนึงของการอยากหมุนย้อนเวลา Whiskers Po พาเราย้อนเวลากลับไปสู่ยุค 90 อันเป็นที่รักของเราอย่างง่ายดาย กับ If I Could ที่เหมือนจะนำเอา Thank You เดบิวท์แทร็คสุดฮิตของนักร้องสาวอย่าง Dido มาเป็น sampler ในเพลงนี้ ได้กลิ่นความเป็น downtempo ผสมกับอิเล็คทรอนิคส์อย่างลงตัว แถมมีกลิ่นอาร์แอนด์บีเจือจางมานิดๆตามสไตล์เพลงฮิตยุค 90 ที่เราคุ้นเคย





Eest Coast, you're My Luv.


รักครั้งใหม่ของเราคือเด็กหนุ่มอายุ 16 ปีจากคอนเนคติกัตกับงานอิเล็คทรอนิคส์ที่แสนชิลแบบนี้ เอฟเฟ็คน้ำไหลเย็นๆ กับเสียงคอรัสแหลมๆที่มิกซ์เข้ากันอย่างดี ทำเอาเราเคลิ้มไปกับหนุ่มน้อยวัยกรุบกรอบอย่างเขาได้มากมาย



นอกจากนี้ยังมีให้ดาวน์โหลดไปฟังกันฟรีๆด้วย ดีอย่างนี้ไม่รักก็คงไม่ไหวแล้วละมั้ง


Friday 12 July 2013

โอ๊ะ โอ๊ะ โอ๊ะ โอ๊ย ตกหลุมรักเข้าอีกแล้ว


เปล่า วันนี้ไม่ได้จะมาพูดถึงนูโวที่เป็นวงสุดฮิตแห่งยุค 90 ในบ้านเรา แต่จะมาบอกว่า Falling In Love ซิงเกิลล่าสุดของพ่อหนุ่ม Kill Paris ถูกปล่อยออกมาแล้ว เป็นการร่วมงานกับ Marty Rod และ Alma ที่ทำออกมาในแนวกลิทช์ฮอปและยังแอบมีส่วมผสมของฟังก์นิดๆด้วย แถมอีกนิดกับสำเนียงเสียงร้องที่ให้กลิ่นคล้ายๆ black voice ที่เราโปรดปราน ทันทีที่ได้ฟังมันก็ทำให้เราร้องออกมาว่า โอ๊ยยย ตกหลุมรักอีกแล้วเหรอเนี่ยชั้น



ขอเล่าเท้าความกันสักนิด เผื่อจะมีใครไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของพ่อหนุ่มคนนี้มาก่อน Kill Paris อาจะไม่ใช่ศิลปินที่มีผลงานเป็นที่รู้จักหรือโดนเด่นในบ้านเราสักเท่าไหร่นัก ส่วนตัวเราเองเริ่มติดใจผลงานของเขาจากแทร็ค Tender Love ที่เขาทำออกมาได้น่ารักสุดๆเลย เขามักจะ feat. กับนักร้องสาวๆ ที่ร้องในสไตล์เพลงยุค 80 หรือเพลงเต้นรำยุคดิสโก้ เมื่อผสมผสานออกมาแล้วมันน่ารักมากจริงๆ แม้แต่เพลง Ring My Bell หรือที่บ้านเรารู้จักกันในนามกางเกงลิงลอยฟ้า เขาก็เอามามิกซ์ใหม่ได้อย่างน่าสนใจ ยังไม่หมดแค่นั้น Baby Come Back ก็เป็นอีกแทร็คที่เจ๋งไม่แพ้กัน แทร็คนี้มีดีกรีความหนักหน่วงที่เพิ่มขึ้น แต่ความติดหูนั้นไม่ได้ลดระดับลงไปเลย ขอกระซิบตรงนี้ว่าทั้งสามเพลงที่ว่ามานี้โหลดได้ฟรีนะจ๊ะ แค่เพียงกดไลค์ในเพจเฟซบุคของพี่ท่าน ก็จะได้เพลงเก๋ๆจำนวนนึงมาเชยชมกันแบบฟรีๆ ว่าแต่ยังไงก็อย่าลืมสนับสนุนซิงเกิลอื่นๆด้วยละนะ


Thursday 11 July 2013

ขออนุญาตให้ฉันรักเธอ


จะขอก็คงไม่ทันแล้วละ เพราะเราตกหลุมรักไปแล้วกับแทร็ค Permission To Love จาก Hayden James งานดิสโก้เฮาส์แบบนี้มีให้เห็นกันบ่อย แต่จะหาที่ฟังติดหูและกลมกล่อมจริงๆกลับมีไม่บ่อยนัก เท่าที่เจอๆมาไม่มากไปก็น้อยไปทั้งนั้น แต่งานนี้ต้องบอกเลยว่ากลมกล่อมและป็อบแบบพอดีๆ ลงตัวที่สุด


ในส่วนของ MV รึก็เก๋ไก๋ไม่ไก่กา เห็นแล้วนึกถึงวิดิโอเกมที่นิยมเล่นกันในสมัยดิสโก้รุ่งเรืองเลย (น้าชายเรามีหลายอัน ตอนเด็กๆเราก็อาศัยเล่นของพวกนี้แหละ ไม่มีพี่ชายน้องชายนี่นา) ทำออกมาในรูปแบบ 8-bit เป็นเรื่องเป็นราวเลย น่ารักดี ก็คงจะต้องเฝ้าดูกันต่อไปว่าเขาจะทำให้เราตกหลุมรักแบบนี้ไปได้นานแค่ไหน


I Adore You, Digital Farm Animals!


ถ้าจะบอกว่าเราหลงใหลคลั่งไคล้ก็คงไม่ผิด เด็กยุค 90 อย่างเราเติบโตมากับเพลงดิสโก้จากยุค 80 ที่ถึงแม้ในเวลานั้นเราจะยังฟังภาษาอังกฤษไม่ออก ไม่รู้เรื่องนักร้องจากต่างประเทศเท่าไหร่ แต่ด้วยลีลาการร้องและจังหวะจะโคนแบบนั้น ทำให้เด็กคนนึงที่สนใจเรื่องเพลงเป็นพิเศษอย่างเรารู้สึกได้ว่านี่แหละคืองานดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ของยุคนั้น



Digital Farm Animals ทำให้เราได้ย้อนเวลาไปเพลิดเพลินกับเพลงดิสโก้ดีๆตามแบบฉบับยุค 80 ด้วย Adore You และการร่วมงานกับ Ofei ความเป็นเอกลักษณ์ของดนตรีดิสโก้ที่โดดเด่นด้วยเสียงซินธ์ รวมทั้งลีลาการร้องและวิธีคอรัสที่เราคุ้นหู ทำให้งานนิวเวฟแทร็คนี้กลายเป็นประตูย้อนไปสู่วัยเด็กของพวกเราชาว 90's kids ได้เป็นอย่างดี

และก็คงจะไม่ผิดเช่นกันที่จะบอกว่ากระแส nostalgia นั้นจะอยู่ยงคงกระพันควบคู่วงการเพลงทั่วโลกไปตราบชั่วกาลนาน


Tuesday 9 July 2013

ปั่นหมุนไปใน Carousel


แทร็คใหม่แรกจาก EP ล่าสุดของ Carousel ก็ออกมาให้ได้ฟังกันแล้ว หลังจากที่เคยฝากความประทับใจไว้ให้เรากับ Another Day ที่ปล่อยออกมาเมื่อช่วงต้นปี ด้วยกลิ่นอายของ synth-pop ตามแบบฉบับของยุค 80 ทำให้ Wolf's Awake กลายเป็นเพลงเต้นรำแบบที่คนร่วมสมัยอย่างเราๆคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี จังหวะของเพลงคล้ายกับจะหมุนปั่นและตีวนซ้ำไปซ้ำมา ทำให้เรารู้สึกเหมือนขึ้นไปนั่งบนม้าหมุนที่มีความเร็วหลายพันรอบต่อชั่วโมงเลยก็ว่าได้ จบเพลงด้วยอาการเบลอนิดๆพองาม และความรู้สึกที่เหมือนๆจะเคลิ้มยังไงบอกไม่ถูก ที่กว่าจะรู้ตัวอีกทีมือก็พลันกดปุ่มรีเพลย์ไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้ว



ป.ล. ดีกรีนักศึกษาเอกดนตรีจาก Berkley ไม่ทำให้ใครผิดหวังจริงๆ


Sunday 7 July 2013

Just Another Day


หลังจากที่เคยฟัง Another Day ของ Chuck Love ตั้งแต่ถูกปล่อยออกมาใหม่ๆ แต่ก็มัวหมักดองไม่ยอมเขียนซะที จนโดนลบหายออกไปจาก SoundCloud ซะเฉยๆ ไม่แน่ใจว่าทาง Random Soul Recordings คิดอะไรของเขาอยู่ แต่โชคยังดีที่โลกนี้มี YouTube ไม่มีอะไรที่จะหลุดรอดมันไปได้หรอก สุดท้ายเลยมีงานดีๆมาฝากกันจนได้


งานอิเล็คทรอนิคส์หรือเฮ้าส์อาจจะมีให้เห็นกันเกร่อโดยทั่วไป แต่งานที่ทำออกมาได้ลงตัวผสมกับความป็อบด้วยกลับหาไม่ง่ายเลยในสมัยนี้ โดยส่วนตัวเราเชื่อว่าสำหรับในบ้านเรา เพลงแนวเต้นรำแบบนี้ไม่จำเป็นต้องทำออกมาให้ดูฟังยากหรือแตกต่างจนสุดขั้วมากไป สิ่งที่จะทำให้งานเป็นที่นิยมก็คือการนำเอาความป็อบแบบตีหัวเข้าบ้านผสมลงไปนี่แหละ เป็นการจับจุดมาเอาใจขาแดนซ์บ้านเราได้เป็นอย่างดี


Saturday 6 July 2013

Killy Cakes isn't trying to be cool.


แน่นอน Killy Cakes ไม่จำเป็นต้องพยายามทำอะไรแบบนั้นเลย เพราะว่ามิกซ์เวอร์ชั่นของพวกเขาแสดงให้เราเห็นแล้วว่าเขาเจ๋งแค่ไหน กับการจับเอาแทร็คสุดฮิตของ Phoenix อย่าง Trying To Be Cool มามิกซ์ใหม่ในแบบฉบับของตัวเอง ไม่รู้ว่าเราคิดไปเองหรือเปล่า แต่หลังจากที่เราได้ฟังเวอร์ชั่นนี้ เรากลับจะชอบมากกว่าต้นฉบับอยู่หน่อยๆด้วยละ ในเมื่อชอบแล้วก็เลยอยากจะเอามาแนะนำให้ทุกคนได้ลองฟังกัน แต่วงอินดี้ป็อบจากรัสเซียวงนี้จะสามารถทำอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจออกมาอีกหรือเปล่าก็คงจะต้องรอดูกันต่อไป




c-a-t-s แมว หลายตัว


หลังจากที่เมื่อกลางเดือนก่อนเราเป็นปลื้มกับหนุ่ม Stimmhalt จากจอร์เจียไปแล้ว เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมาเขาก็ยังกลับมาทำให้เราปลื้มต่อเนื่องกับซิงเกิลใหม่ที่มีชื่อว่า Cats งานชิ้นใหม่นี้ยังคงเป็น deep house ชั้นดีแบบเดิม แต่ใส่ลูกเล่นใหม่เข้าไปด้วยเสียงแซ็กโซโฟน และจังหวะที่มีลูกเล่นต่างไปจากเดิมเล็กน้อย ใช้ลูกเล่นที่ความดังเบาของจังหวะ ทำให้งานน่าสนใจไปอีกแบบ โดยที่ความ chill แบบเดิมๆไม่ถูกทำลายหายไปแม้แต่นี้ดส์เดียว



ถึงแม้ว่าภาพรวมของเจ้าแมวเหมียวหลายตัวนี้อาจจะไม่ป็อบสู้ Again แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เราชอบงานของเขาน้อยลงเลย ยังคงสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า นี่คืองาน deep house ดีๆที่ต้องจับตามอง


Friday 5 July 2013

Drops - หมดจดทุกหยดหยาด


ไม่ค่อยง่ายนักที่เราจะได้เจอกับงานแนวอิเล็คทรอนิคส์โซลที่ทำออกมาได้คลีนทุกหยาดหยดแบบนี้ ถือว่า Jungle ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากที่ปล่อยซิงเกิลล่าสุดอย่าง Drops ออกมาในช่วงซัมเมอร์นี้ ด้วยการนำเอาโซลมาผสมผสานกับดนตรีอิเล็คทรอนิคส์ที่เป็นพื้นฐานของเพลงเต้นรำยุคใหม่ ทำให้ได้ความเย็นในอีกรูปแบบนึง ที่ไม่ใช่ลีลาแดนซ์จนฟลอร์ลุกเป็นไฟเหมือนดนตรีอิเล็คทรนิคส์ทั่วๆไป กับเสียงร้องที่เราค่อนข้างจะแน่ใจว่าเป็น black voice แบบที่เราชอบ เป็นความเซ็กซี่แบบเย็นๆเหมาะกับหน้าร้อนเป็นอย่างมาก



สำหรับ Drops จะวางจำหน่ายกับ Chess Club Records ในวันที่ 15 ที่จะถึงนี้ อย่างที่พูดไปข้างต้นแล้วว่างานแนวอิเล็คทรอนิคส์โซลนั้นใช่ว่าจะหาฟังกันได้ง่ายนัก ยิ่งงานดีๆแบบนี้ด้วยยิ่งพบได้ไม่บ่อยเลย และนี่คงจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เราต้องหันมาจับตามอง Jungle อย่างจริงจังซะแล้ว


I'm Yo-yo Ma and I play the cello.




เราขอให้คุณกดดูวิดิโอคลิปข้างบนนี้ก่อนเลย ดูจบแล้วค่อยอ่าน

ครั้งแรกที่เราได้ดูวิดิโอตัวนี้คือเมื่อต้นปี 2011 ที่เรากำลังหาข้อมูลเพื่อจะซื้อ MacBook ตัวแรกในชีวิต เราดูหมดทั้งรีวิวยันโฆษณา จนมาหยุดที่คลิปตัวนี้ ในตอนท้ายของคลิปผู้ชายหน้าตี๋รูปร่างสันทัดคนนี้แนะนำตัวเองว่าชื่อ Yo-yo Ma เป็นนักเชลโล ตอนแรกเราก็ยังไม่ติดใจอะไร นักเชลโลแล้วยังไง แคมเปญของ Apple ก็นำคนมาจากหลากหลายสาขาอาชีพอยู่แล้ว จะมีนักเชลโลอีกสักคนก็ไม่แปลกตรงไหนนี่นา จนได้ไปอ่านคอมเมนท์ด้านล่างมีคนกระแนะกระแหนเขาเรื่องความอ่อนหัดในการใช้คอมพิวเตอร์มากมายตามสไตล์แอปเปิลแอนตี้แฟน แต่เราไปสะดุดเข้ากับความเห็นนึงที่แนะนำว่างานเพลงของเขาเจ๋งมาก เราเลยต้องดั้นด้นไปเสาะหามาฟัง


Yo-yo Ma ได้ก่อตั้ง The Silk Road Project ขึ้นเมื่อปี 1998 เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่รวบรวมเอานักดนตรีจากประเทศต่างๆที่อยู่ในเส้นทางสายไหมมาแบ่งปันวัฒนธรรมทางดนตรีให้แก่กันและกัน ทั้งร่วมกันเรียนรู้ผ่านเวิร์คช็อปและสร้างผลงานขึ้นมาในชื่อชุดที่ชื่อว่า The Silk Road Ensemble ผลงานเพลงทั้งหมดในชุดนี้ถูกบรรเลงขึ้นด้วยเครื่องดนตรีสากลจากทางยุโรปและเครื่องดนตรีท้องถิ่นของประเทศในแถบเส้นทางสายไหม เช่น อิหร่าน จีน อินเดีย อาร์เมเนีย ทาร์จิกิสถาน ฯลฯ


Ascending Bird ถูกเรียบเรียงโดยได้แรงบันดาลใจมาจากเพลงพื้นบ้านของชาวเปอร์เซีย ที่กล่าวถึงตำนานของนกตัวหนึ่งที่พยายามจะบินไปยังดวงอาทิตย์ บินจนตกมาครั้งแล้วครั้งเล่า จนในหนที่สามก็บินได้ หากแต่แสงอาทิตย์อันแรงกล้าได้แผดเผาเอาชีวิตของเจ้านกน้อยไป ตำนานของเปอร์เซียนที่กล่าวขานนี้เป็นการอุปมาถึงปรัชญาชีวิตชั้นสูงที่อยู่นอกเหนือความเข้าใจของคนเรา


Swallow Song หรือในชื่อภาษาจีนว่า Yanzi เป็นเพลงพื้นบ้านของจีน เพลงพูดถึงเด็กสาวคนหนึ่งที่ชื่อ Yanzi เธอมีดวงตาที่สดใส คองามระหง และเรือนผมยาว เป็นบทชมเชยในความงามและการทวงสัญญาใจที่ชายคนรักมีต่อเธอ เพลงนี้ขับร้องโดย Wu Tong ที่สามารถร้องเพลงร็อกได้ด้วย


เมื่อนักแต่งเพลงชาวเลบานอนจับเอาเพลงจากแถบอาหรับมาผสมผสานเข้ากับแจ๊ส ก็เลยเกิดผลงานที่ชื่อ Arabian Waltz ขึ้นมา และถึงแม้จะมีชื่อว่าอาหรับ แต่ก็ประกอบด้วยเครื่องดนตรีจากแถบอื่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสายของตะวันตก เครื่องสายจากจีน หรือกลองทับล้าของอินเดียก็มากับเขาด้วย

นอกจากนี้ยังมีเพลงอื่นๆที่น่าสนใจอีกมากมาย พร้อมกับนักดนตรีเกิน 50 ชีวิตที่มาร่วมกันทำงานในโปรเจคนี้ ทั้งการออกอัลบั้มและการออกคอนเสิร์ทในเมืองใหญ่ต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้โต้โผใหญ่คือผู้ชายหน้าตี๋ที่โดนยูทูปเบอร์แนะแหนเรื่องการใช้พีซีไม่เป็นอย่าง Yo-yo Ma นี่แหละ

ป.ล. ถ้าเราจะโดนเกรียนในเนทแดกว่าโง่ยังงั้นยังงี้ แต่เราสามารถรังสรรค์โปรเจคงามๆแบบนี้ได้ เราก็ไม่แคร์เวิล์ดว่ะ



Thursday 4 July 2013

Bad!


ความจริงตั้งใจไว้นานแล้วว่าจะต้องเขียนถึงเพลงฮิปฮอปสุดแซ่บเพลงนี้ให้ได้ แต่ก็ผัดวันประกันพรุ่งมาหลายที ขืนปล่อยนานไปจะเก่าซะหมด สุดท้ายก็เลยเข็นออกมาเป็นตอนนี้จนได้


Wale อาจจะไม่ใช่นักร้องฮิปฮอปที่เป็นที่นิยมในบ้านเราสักเท่าไหร่นัก อย่างเราเองก็เพิ่งจะมารู้จักเมื่อต้นปีนี่เอง แถมเริ่มรู้จักกับเพลงแรงๆเพลงที่ชื่อว่า Bad ซะด้วยสิ จำได้ว่าเริ่มฟังหลังจากที่เพลงออกมาได้ 2 วันเท่านั้น แทร็คนี้ได้ Tiara Thomas มาร่วมร้องด้วย เนื้อเพลงพูดถึงผู้หญิงคนนึงที่คิดว่าตัวเองคงไม่สามารถรักใครได้หรือเป็นคนรักที่ดีได้ จึงไม่อยากจะสัญญาหรือรับปากอะไร แต่ถ้าจะแค่มีอะไรกันฉันก็โอเคอยู่นะ เห็นมั้ยละว่าแซ่บแค่ไหน ด้วยความที่ดนตรีฮิปฮอปมันเหมาะกับเนื้อหาแบบนี้อยู่แล้วด้วยวัฒนธรรมของมัน ดีกรีความแรงยังถูกเพิ่มด้วยเอฟเฟ็คเสียงเตียงดังเอี๊ยดอ๊าดตลอดทั้งเพลง นัยว่าเมคเลิฟกันจนสนั่นหวั่นไหวไปหมด แอร๊ย แซ่บตั้งแต่เริ่มจนหยดสุดท้ายเลยทีเดียว


รุ่นกระป๋องหลบไป รุ่นใหญ่กลับมาแล้ว


... กว่าจะรวมจิตใจ เก็บทรายสวยๆมากอง ก่อปราสาทสักหลัง ... 

วัยรุ่นยุค 80-90 อย่างเราๆก็คงจะคุ้นเคยกันดีกับเพลงนี้นะ เพลงปราสาททราย ของสุรสีห์ อิทธิกุล เป็นเพลงที่เคยฮิตมากมายในต้นยุค 90 แต่หลังจากนั้นอีกพักใหญ่เราก็ไม่ค่อยได้ข่าวคราวพี่เขาอีกเลย อาจจะเพราะทำงานเบื้องหลังซะมาก และก็มีที่เล่นตามร้านต่างๆ เช่น ไอริชผับแถวสีลม แล้วก็ที่อื่นๆอีก มาวันนี้พี่เขากลับมาแล้ว กลับมาทวงบัลลังก์อย่างรุ่นใหญ่มากฝีมือ


เมื่อต้นเดือนที่แล้วทางค่าย Great Odyessy ต้นสังกัดก็ได้ปล่อยซิงเกิลแรกของ EP ที่มีชื่อว่า World ออกมา ดนตรีเป็นร็อกหนักแน่น ที่ไม่ได้หนักเกินกว่าที่คนฟังเพลงป็อบหรือเพลงตลาดจะรับไหว เนื้อหาก็สร้างสรรค์มาก เพลงพูดถึงพลังในการเปลี่ยนแปลงโลกเราให้มีสิ่งดีๆ หลังจากที่ได้รู้ว่าใครเป็นผู้แต่งเนื้อก็ยิ่งทึ่ง อ.อรรณพ จันสุตะ แห่ง Butterfly และ กัมปะนีนั่นเอง อ.มีผลงานแต่งเนื้อมากมายที่ทั้งครีเอทและโดนใจ น่าเสียดายที่วันนี้อ.ไม่อยู่แล้ว ต้องขอแสดงความเสียใจและรำลึกถึงด้วย ยังไม่หมดแค่นั้นพวก ในส่วนของดนตรีก็ยังได้ อ.กฤษณ์ โชคทิพย์พัฒนา แห่ง Butterfly และ กัมปะนี (สองวงคุณภาพของวงการดนตรีไทยอีกแล้วครับท่าน) มาช่วยกันทำด้วย แถมยังมาช่วยคอรัสอีกแน่ะ ทันทีที่ฟังเสียงเราก็จำได้ทันที อิอิ เด็กยุค 90 ก็อย่างนี้แหละ โตมากับกัมปะนีนี่เนอะ แค่ฟังผ่านๆก็จำกันได้แล้ว ... กลับคำเสีย อย่าเอ่ยมันออกมา ... โอ้ว เห็นมั้ยละว่าเพลงไทยยุคนี้มันเด็ดจริงๆ

ทั้งซาวด์ดนตรีที่หนักแน่นเข้มข้น เนื้อหาที่สุดจะสร้างสรรค์จรรโลงใจ ยังไม่นับเสียงร้องอีกนะ ทำให้เพลงนี้ถูกจัดเข้าระดับเทพในใจเราเลย สรุปเลยแล้วกันว่างานนี้เป็นการรวมตัวของเทพรุ่นใหญ่จริงๆ

ขอแรงให้ฉัน ขอกำลัง เพื่อเปลี่ยนตัวฉันใหม่ ขอปลดปล่อยฉัน จากความหลัง เปลี่ยนแปลงคนทั้งโลก 


Wednesday 3 July 2013

That awkward moment ...



San Cisco เป็นวงดนตรีป็อบร็อกสไตล์อินดี้จากประเทศออสเตรเลีย มีสมาชิกด้วยกัน 3 หนุ่ม 1 สาว ที่ประกอบด้วยกีต้าร์ 2 กลอง 1 และเบสอีก 1 กับแทร็คสุดฮิตอย่าง Awkward ที่น่าจะฮิตในบ้านเราได้ไม่ยาก เพลงฟังง่าย ติดหู เนื้อหาก็น่ารัก


แทร็คที่ฮิตไม่แพ้กันก็คือ Wild Things ดนตรีแน่นขึ้นแต่ก็ยังมีความสดใสที่เป็นเอกลักษณ์ ส่วนตัวรู้สึกว่าวงนี้ทำเพลงออกมาได้เหมือนเดิมแต่ก็มีจุดต่างจากเดิมดีมาก เรียกว่าไม่ทิ้งลายเซ็นตัวเอง แต่ก็จะใส่อะไรใหม่ๆลงมาเสมอไม่ให้รู้สึกเหมือนย่ำอยู่กับที่


ท้ายสุดกับ Fred Astaire ชื่อเพลงที่คล้ายจะเป็นชื่อใครสักคน เป็นเพลงล่าสุดที่ตัดออกมาโปรโมท ตัวเพลงยังคงไม่ละทิ้งลายเซ็นไปไหนเลยจริงๆ เราชอบเพลงนี้ตรงไลน์กลองกับเบสที่แน่นหนึบหนับดี แถมมีคีย์บอร์ดมาผสมด้วย ดูเป็นสีสันที่ติดกลิ่นดนตรีเต้นรำย้อนยุคมาพอประมาณ

เท่าที่ติดตามกระแสมา เด็กแนวจากออสซี่ทุ่มเถียงกันเยอะมากว่าไม่อยากให้วงนี้ดัง เพราะกลัวว่ามันจะไม่แนวอีกต่อไป บางพวกที่แอนตี้เด็กแนวก็บอกว่า ยูจะหวงของไปทำไม วงดีๆทำไมไม่อยากให้เขาดังละ อ่านแล้วก็ได้แต่คิดว่าไม่ใช่จะมีแต่บ้านเราแฮะที่เถียงกันในเรื่องพรรค์นี้ ที่อื่นๆเขาก็เป็นเหมือนกัน ขึ้นชื่อว่าวัยรุ่นอะเนอะ จะชาติไหนๆก็ชอบฟังเพลงด้วยกันทั้งนั้น แถมเอกลักษณ์ของความเป็นวัยรุ่นนี่เป็นอะไรที่สากลไปทั่วโลกเลยละ ว่ามั้ย?

awkward-moment-music-teen-posts-Favim.com-437506


BOY - Skin และอาการน้องพลับขอสอง


ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจกันสักเล็กน้อยว่าไอ่เจ้าอาการที่เรียกว่าน้องพลับขอสองนี่มันเป็นยังไง น้องพลับขอสองเป็นอาการของคนที่ลังเล ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาอันไหนดี จะเลือกอันไหนดี จะเลือกอันนั้นก็เสียดายอันนี้ จะเอาอันนี้ก็ไม่อยากทิ้งอันนั้น เป็นอาการรักพี่เสียดายน้องอย่างหนึ่ง ที่สุดท้ายแล้วจบลงที่ตัดสินใจรวบเอาทั้งคู่เลยแล้วกัน ไหนๆก็ไหนๆแล้ว น้องพลับขอสองเลยแจร้ อย่าให้น้องพลับเลือกเลย หนูอยากได้ทั้งสองอัน

แทร็คที่ชื่อว่า Skin จากดูโอสาววง BOY จากเยอรมัน และ Campfire รีมิกซ์เวอร์ชั่นของหนุ่มอังกฤษอย่าง Dinnerdate  ทำให้เรามีอาการดังกล่าวนี้ทุกประการ จะต้นฉบับรึก็งามดี จะรีมิกซ์รึก็น่าฟังไปหมด บอกไม่ถูกว่าชอบอันไหนมากกว่ากันเลยจริงๆ


ออริจินัลเวอร์ชั่นเป็นอคูสติคร็อกที่ลงตัว เสียงร้องของสองสาวและกีต้าร์โปร่งสองตัวที่ทำให้เพลงดูเบา ไม่รกแต่ยังหนักแน่น แถมมีเมโลดิก้ามาช่วยเพิ่มอารมณ์ในช่วงโซโลด้วย ทำให้รู้สึกถึงโทนหม่นอยู่นิดๆ หม่นแบบโฟล์คยังไงบอกไม่ถูก เนื้อเพลงรึก็แสนจะคมคาย กล่าวถึงการกระเทาะเปลือกตัวเองและควาแปลกแยกจากสังคม ส่วน Campfire edit นี้ก็เป็นเหมือนเพลงเฮ้าส์ทั่วๆไป แต่สามารถดึงเอาจุดเด่นของต้นฉบับมาทำใหม่ในสไตล์เฮ้าส์ได้อย่างกลมกลืนสุดๆ พนันได้เลยว่าถ้าใครที่ไม่รู้ว่ามีออริจินัลเวอร์ชั่นมาก่อน จะต้องคิดว่าแทร็คนี้มันเป็นอย่างงี้ของมันเองอยู่แล้วแน่ๆเลย แอบตินิดนึงตรงเสียงร้องที่ยังดูโดดออกมาจากดนตรีแบ็คกิ้งเล็กน้อย ล้ำมานิดๆ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะถ้าไม่ฟังแบบจับสังเกตจริงๆจะแยกไม่ออกหรอก
 

อย่าเพิ่งเชื่อคำพูดเรา ลองฟังให้ครบทั้งสองแบบแล้วลองตัดสินดูสิว่าชอบแบบไหนมากกว่ากัน หรือว่าอาจจะเกิดอาการน้องพลับขอสองตามเราไปอีกคนก็ได้นะ


Bondax - ฉันให้เธอหมดใจเลย


และนี่ก็เป็นอีกแทร็คที่ทำให้เรายกใจให้หมดตั้งแต่แรกฟังเลย Bondax เพิ่งอัพเพลงนี้ Giving It All ลงใน SoundCloud เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้เอง ทุกสิ่งทุกอย่างถูกจัดวางมาอย่างลงตัวและเหมาะสมไปหมดทั้งเพลง ทันทีที่ได้ฟังก็ตบเข่ารัวๆและร้องตะโกนออกมาสุดเสียงว่า โอ้ววว ขายๆๆ แทร็คนี้เหมาะจะนำไปเล่นต่อเนื่องกับ The Future Is Your ของ Kraak & Smaak มากๆ ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าจะปล่อยออกมาให้ดาวน์โหลดหรือซื้อหากันได้เมื่อไหร่ แต่เราก็จะติดตามต่อไปเพราะอยากจะได้มาก เสียอย่างเดียวจริงๆคือเพลงจะสั้นไปไหน รู้สึกว่ายังฟังไม่ทันหนำใจก็จบซะแล้ว ว้า แย่จัง




Tuesday 2 July 2013

The Future Is Yours!


The future is yours! คุ้นๆมั้ยคำนี้ ไม่ใช่สโลแกนของการ์ตูนกัปตันแพลเนทหรอก แต่นี่คือแทร็คที่น่าสนใจจากเฮ้าส์แบนด์สายเลือดดัชท์อย่าง Kraak & Smaak ที่กำลังมาแรงในใจเราตอนนี้ โดนใจตั้งแต่ได้ฟังครั้งแรกเลยทีเดียว เป็นงานที่รู้สึกว่าขายมาก ป็อบมาก คงเพราะได้เสียงของ Ben Westbeech มาแจมด้วย ทั้งเมโลดี้ทั้งทำนองมันออกมาลงตัวเหมาะเจาะไปหมด ทำให้เรารู้สึกว่าถึงนี่จะเป็นงานเฮ้าส์สไตล์ยุโรปแต่มันก็ป็อบมากจนเข้าถึงไม่ยากเลย




รอรัก Raw Love


ไม่ได้เขียนถึงศิลปินไทยมาได้พักนึงทั้งที่ยังตามเสพย์งานไทยต่างๆอยู่เสมอ อาจจะเพราะว่ายังไม่มีงานไหนที่โดนหูโดนใจก็เป็นได้ จนเราได้ฟังงานของเธอคนนี้ คริส เชาวลิต


Raw Love คือซิงเกิลแรกของเธอที่ออกกับค่ายสหภาพดนตรี ผู้ผลิตผลงานเพลงดีๆอีกแล้วครับท่าน ส่วนตัวชอบค่ายนี้มากที่สุดในวงการเพลงไทยตอนนี้เลยละ กลับมาที่คริสกันต่อ ซิงเกิลนี้เธอทำเองทุกเม็ด ตั้งแต่การแต่งเพลง เนื้อร้อง อัดเครื่องดนตรีเองทุกชิ้น และยังทำ mv เองอีกด้วยนะ กราฟฟิคสไตล์ขาวดำแบบมินิมัลลิสท์ที่เห็นนั้นเป็นฝีมือของเธอเองที่ร่ำเรียนมาทางสายนี้โดยตรง ก่อนหน้าที่เธอจะทำเพลง เธอเดินทางเพื่อไปร่ำเรียนที่อเมริกาและทำงาน ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นร่วม 10 ปี และยังเคยเป็นทีมทำเบื้องหลังในส่วน art work ให้กับโอม ชาตรี คงสุวรรณอีกด้วย

คริสเป็นผู้หญิงที่เท่มาก ไม่ได้เท่แบบทอมบอยนะ เธอเท่แบบสาวผมยาวแต่ไม่หวาน เท่ที่เธอเล่นเครื่องดนตรีเป็นหลายชิ้น ไม่ว่าจะแซ็กโซโฟน กีต้าร์ คีย์บอร์ด เปียโน และกลอง เฮ้ออ ผู้หญิงเล่นแซ็กโซโฟนนี่เท่เป็นบ้าเลย เท่ที่เธอเป็นนักออกแบบกราฟฟิค เท่ที่เป็นดีเจเปิดแผ่นและเคยเป็นบาร์เทนเดอร์ แม้แต่พิธีกรทางทีวีก็เป็นมาแล้ว (ถ้าจะยังจำกันได้เธอคือ ลูกแก้ว 108 music นั่นเอง) เท่ที่น้ำเสียง และเท่จากสิ่งที่เธอสื่อสารออกมาผ่านทางเพลง Raw Love นี้

ป.ล. อย่าถามว่านี่คือแนวเพลงอะไร เพราะแค่ฟังและดู เธอก็สะกดเราจนลืมโลกไปแล้ว


The Camerawalls - Another Pinoy Power


ถ้าจะพูดถึงนักร้องในแถบเอเชียที่เป็นที่ขึ้นชื่อลือชากันว่ามีน้ำเสียงที่ดี ทรงพลัง อลังการดาวล้านดวง ก็คงจะหนีไม่พ้นนักร้องจากประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างฟิลิปปินส์นี่เอง เอาแค่ที่ทำมาหากินกันในบ้านเราจนดังก็มีหลายต่อหลายคน อย่างมินท์ มาลีวัลย์ก็ใช่ คริสติน่า อาร์กีล่านี่ก็มีเชื้อสายฟิลิปิโนด้วย หรือแม้แต่สาวร่างท้วมอย่างเจนิสก็เป็นที่น่าจับตาขึ้นทุกวัน (สำหรับใครที่ไม่รู้จัก เธอคือคอรัสสาวคนเดียวในเพลงไม่มีใครยังไงก็มีเธอของป็อบ ปองกูล) หรือจะเอาที่ดังไปไกลระดับโลกอย่างสาวน้อยมหัศจรรย์ชารีซ เพ็มเพ็งโก ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นสาวเจ้าฮะไปเรียบร้อยแล้ว ว่ากันตามจริงคนประเทศนี้เขาเสียงดีกันตั้งแต่นักร้องอาชีพยันยามริมถนนเลยทีเดียว แต่สำหรับวันนี้วงที่เราจะแนะนำให้รู้จัก อาจจะไม่ใช่วงที่มีเสียงร้องทรงพลังระดับตัวพ่อตัวแม่ของวงการอะไร อ้าว ถ้างั้นเขาน่าสนใจที่ตรงไหนละ ก็ต้องลองมาดูกัน

The Camerawalls จัดได้ว่าเป็นวงอินดี้ป็อบหรืออัลเทอร์เนทีฟร็อก (เล็กๆ) ก็ว่าได้ ที่รวมตัวกันมาตั้งแต่ปี 2007 กระแสเริ่มมาในช่วงปี 2008 กับเดบิวท์อัลบั้มของพวกเขาที่มีชื่อว่า Pocket Guide To The Otherworld แต่สำหรับเราคิดว่าเพลงยังไม่ค่อยโดดเด่นเตะหูเตะตาเท่าไหร่ คนที่ชอบอะไรฉูดฉาดและโดนเด่นอาจจะมีเงิบหลับเอาได้


หลังจากนั้นก็ยังคงทำงานกันต่อกับดิจิตอลซิงเกิล The Sight of Love ที่ออกมาช่วงปี 2010 เป็นซิงเกิลที่ได้นักร้องสาวอย่าง Sarah Gaugler มาทำงานร่วมกัน กลิ่นอายของเพลงนี้น่าจะเป็นที่ถูกใจของใครที่ชอบสวีดิชป็อบอยู่เป็นทุนเดิม ส่วนตัวเราชอบมากเลย เพราะเป็นเพลงแรกที่ทำให้รู้จักกับวงนี้ด้วย


จนเมื่อช่วงปลายปีเดียวกัน The Camerawalls ก็ได้ออก EP ที่ชื่อ Bread and Circuses มา มีซิงเกิลเรียกแขกที่ชื่อ A Gentle Persuasion ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าเป็นแทร็คที่ลงตัวที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องนุ่มๆของหนุ่ม Clementine นักร้องนำ และการเรียบเรียงดนตรีที่เป็นแนวป็อบนี่แหละ ผสมแจ๊สก็ไม่ใช่ฟังก์ก็ไม่เชิง แต่ผลลัพธ์ที่ออกมามันกลมกล่อมสุดๆ

ตอนนี้ทางวงยังไม่ได้ออกผลงานอะไรใหม่ จะมีก็แต่การออกทัวร์ไปตามเรื่องตามราว ซึ่งเราก็หวังว่าน่าจะมีข่าวอะไรออกมาบ้างภายในปีนี้ คงเป็นเพราะความประทับใจจาก EP Bread and Circuses ทำให้เราตั้งความหวังกับงานชุดใหม่อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว


Monday 1 July 2013

Thinkin' About You


หลังจากที่เพิ่งจะคาบข่าวมาฝากกันไปเมื่อวาน ไม่ต้องรอกันอีกต่อไป เพราะตอนนี้ซิงเกิลล่าสุดของสาว Ntjam Rosie ได้ออกมาให้ฟังกันแล้ว งานนี้เธอทั้งเขียนเนื้อและโปรดิวซ์เองเสร็จสรรพ กลิ่นอายของเพลงมีความเป็นอคูสติคมากขึ้น แต่ลีลาการร้องแบบโซลก็ยังคงอยู่ไม่มีผิดเพี้ยน เครื่องสายที่ประกอบเข้ามาทำให้เพลงดูหวานและน่าสนใจขึ้นเยอะ เรียกว่าสมกับที่รอคอยเลยแหละ


On Our Way


สำหรับใครที่ยังมีหัวใจวัยรุ่นและกำลังมองหาแรงบันดาลใจใหม่ๆให้กับชีวิต ต้องขอบอกเลยว่าแทร็คนี้ของวงสไตล์อินดี้ป็อบจากเมืองสตอคโฮล์มจะต้องโดนใจคุณมากแน่



The Royal Concept เป็นวงดนตรี 4 ชิ้นแนวอินดี้ป็อบจากประเทศสวีเดน ที่ไม่ได้ทำแต่ดนตรีแนวงุ้งงิ้งจิงเกิลแจงเกิลเหมือนอย่างสวีดิชป็อบทั่วๆไป กลิ่นอายหลักๆของความเป็นสวีดิชป็อบยังอยู่ครบ แต่เพิ่มเติมมาด้วยความหนักแน่น และด้วยเนื้อหาที่เต็มล้นไปด้วยพลังความสดใสของวัยที่กำลังค้นหาโลกกว้าง บวกกับเนื้อที่เพลงที่ติดหู จึงทำให้ On Our Way กลายเป็นเพลงฮิตสำหรับวัยรุ่นได้ไม่ยากเลย

We are young.
We are one.
Let us shine for what it's worth.


คาบข่าวของสาว Ntjam Rosie มาฝากจ้า


ในวันที่ 1 เดือนหน้า สาวคนนี้จะปล่อยซิงเกิลใหม่ซึ่งเป็นซิงเกิลที่สองของอัลบั้ม At The Back Of Beyond ออกมาให้ได้ฟังกัน ซิงเกิลนี้มีชื่อว่า Thinkin About You สำหรับความคืบหน้าเท่าที่มีตอนนี้ก็คือทีซเซอร์ของมิวสิควิดิโออย่างที่เห็นนี่แหละ และอย่างที่เคยบอกไปว่าเธอเป็นเจ้าของค่ายเสียเอง ก็เลยทำเองทั้งแต่งหน้า แต่งตัว ทำผมกันเลยทีเดียว ในเมื่อเธอลงทุนควบคุมการทำงานเองหลายขั้นตอนแบบนี้ ขอบอกเลยว่าห้ามพลาดเด็ดขาด