ประโยคคำถามนี้คงจะเป็นที่คุ้นเคยกันดีสำหรับนักฟังเพลง เพราะ Gregg Alexander แห่ง New Radicals และ Mady Moore เคยถามมันเอาไว้เมื่อหลายปีมาแล้วในเพลง Someday We'll Know แล้วใครละที่จะบอกทางไปยังดินแดนลึกลับที่ชื่อว่าแอทแลนติสได้
Postiljonen ทำให้เราค้นพบกับดินแดนลึกลับนี้ กับซิงเกิลล่าสุดของพวกเขา Atlantis วงทรีโอจากสวีเดนวงนี้ทำงานเพลงในรูปแบบ dream pop ที่จัดว่ามีพื้นฐานมาจากดนตรีอิเล็คทรอนิคส์นั่นเอง แต่พวกเขาเอาเสียงแซ็กโซโฟนที่เล่นในสไตล์ป็อบแจ๊สมาใส่ไว้ในงานชิ้นนี้ด้วย ทำให้เพลงมีรสชาติของความเป็นป็อบแจ๊สผสมอยู่ บวกกับพื้นฐานของ dream pop ที่ดนตรีจะล่องลอย ชวนฝัน ทำให้ได้ความรู้สึกเหมือนตีตั๋วไปยังแอทแลนติสซะจริงๆ
งานเพลงชิ้นแรกของเขาที่เรารู้จักก็คือ Einmal um die Welt แน่นอนว่าเราฟังไม่ออกแม้แต่นิดเดียว ซึ่งมันเป็นข้อดีในความรู้สึกของเรานะ เพราะมันทำให้เราได้พิจารณากับดนตรีอย่างจริงจัง มากกว่าที่จะสนใจความหมายของเนื้อหา สำหรับแทร็คนี้ต้องบอกว่ามีความเป็นป็อบค่อนข้างสูงเลยละ เป็นป็อบแนวอินดี้แบบที่พบได้ทั่วไป แต่เรารู้สึกว่าเขาทำออกมาได้ติดหูดีนะ
ในช่วงปลายปี 2011 ก็มีออกมาอีกแทร็ค Come On เป็นเพลงที่มีจังหวะเร่งเร้ากว่าเดิมมากพอสมควร แต่กลิ่นอายของความเป็นสวีดิชป็อบก็ยังไม่จางลงแม้แต่น้อย ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าคนสวีเดนทุกคนเขามีจังหวะนี้อยู่เต็มในสายเลือดกันเลยหรือไงนะ หรือไม่หัวใจก็คงเต้นเป็นจังหวะที่มันแสนจะจิงเกิลแจงเกิลแบบนี้น่ะ
หลังจากที่ได้แนะนำงานกันไปหนนึงแล้ว มาวันนี้ Jackson Philips และ Kevin Friedman หรือที่พวกเรารู้จักกันในนาม Carousel ก็ได้เข็นซิงเกิลออกมาติดต่อกันถึงอีกสองชิ้น ก่อนที่พวกเขาจะปล่อยอัลบั้มเต็มที่มีชื่อว่า Palms ออกมาในช่วงต้นเดือนหน้า
สำหรับซิงเกิลแรกที่จะให้ลองฟังกันก็คือ Not Enough ที่ดีกรีความเป็น synth-pop ยังไม่ตกลงไปแม้แต่น้อย ใครที่ยังคงประทับใจกับซิงเกิลก่อนหน้านี้ ก็ไม่น่าจะผิดหวังกันอย่างแน่นอน
และล่าสุดที่เพิ่งปล่อยออกมาไม่กี่วันที่ผ่านมา Before You เป็นงานช้าๆที่ชวนฝันตามสไตล์ของ dream-pop แบบไม่มีผิดเพี้ยน ฟังแล้วเหมือนตกอยู่ในภวังค์หวานๆ เดินล่องลอยอยู่บนปุยสายไหมสีชมพูที่ส่งมาจากมือพ่อค้าสุดเท่
แทร็คต่อมาคือ Hold You เป็นอาร์แอนด์บีแบบเต็มขั้น ที่เจือแฝงความป็อบมาพอประมาณ ฟังแล้วเผลอจิ้นไปเองว่าเสียงของพ่อหนุ่มนี่ก็มีส่วนละม้ายคล้ายกับเสียงคนดำอยู่เหมือนกันนะ ด้วยจังหวะจะโคนและเสียงประสานที่เรียบเรียงกันออกมา ทำให้เรารู้สึกว่าเพลงมันเท่ได้อย่างไม่ยากเย็นเลย
งาน chillwave เจ๋งๆไม่มีวันตายหรอก เชื่อเราสิ ลองดูอย่าง Don't Give Up ที่ Washed Out ทำออกมาเมื่อไม่นานนี้ได้เลย ทุกอย่างถูกผสมผสานเข้ากันอย่างลงตัว ทั้งจังหวะจะโคนต่างๆที่มีความป็อบในตัวของมันเอง ฟังแล้วพูดได้เลยว่าเพราะจับขั้วหัวใจจริงๆ
สิ่งเดียวที่ต้องทำตอนนี้คือรออัลบั้มเต็มที่จะออกมาในเดือนหน้า คาดว่าจะไม่ผิดหวังกันอย่างแน่นอน เพราะซิงเกิลก่อนหน้านี้อย่าง It All Feels Right ก็สร้างความประทับใจให้มากมายไม่แพ้กัน
Last Dinosaurs เป็นวงจากออสเตรเลีย ประเทศที่เรากับหนุ่มคนนั้นไปเรียนต่อนี่แหละ หนุ่มๆกลุ่มนี้เพิ่งจะเดบิวท์อัลบั้มในปี 2012 ที่มีชื่อว่า In a Million Years มีแทร็คที่น่าสนใจอย่าง Honolulu ตามที่ได้ฟังไปแล้วข้างต้น ที่เหมือนเป็นซาวแทร็คประกอบชีวิตรักเราเพลงนึง และก็ยังมี Zoom ที่เป็นร็อคแบบหนักแน่นแต่ผสมผสานอิเล็คทรอนิคส์ไว้อย่างเหมาะเจาะลงตัว
กับ Andy ที่น่าสนใจไม่แพ้กันตรงดนตรีที่ติดหู ดูท่าทางน่าจะป็อบได้ไม่ยากเลย
Charles Murdoc โพรดิวเซอร์คนเก่งจากบริสเบนร่วมมือกับ Oscar Key Sung จนเกิดแทร็คชื่อ Dekire ออกมา ซึ่งจะเป็นซิงเกิลแรกของ EP Weathered Straight ฟังแล้วล่องลอยดีเหลือเกิน เหมาะกับจะสรรหามาฟังในบรรยากาศฝนชุ่มฉ่ำของบ้านเราซะนี่กระไร
เปล่า วันนี้ไม่ได้จะมาพูดถึงนูโวที่เป็นวงสุดฮิตแห่งยุค 90 ในบ้านเรา แต่จะมาบอกว่า Falling In Love ซิงเกิลล่าสุดของพ่อหนุ่ม Kill Paris ถูกปล่อยออกมาแล้ว เป็นการร่วมงานกับ Marty Rod และ Alma ที่ทำออกมาในแนวกลิทช์ฮอปและยังแอบมีส่วมผสมของฟังก์นิดๆด้วย แถมอีกนิดกับสำเนียงเสียงร้องที่ให้กลิ่นคล้ายๆ black voice ที่เราโปรดปราน ทันทีที่ได้ฟังมันก็ทำให้เราร้องออกมาว่า โอ๊ยยย ตกหลุมรักอีกแล้วเหรอเนี่ยชั้น
ขอเล่าเท้าความกันสักนิด เผื่อจะมีใครไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของพ่อหนุ่มคนนี้มาก่อน Kill Paris อาจะไม่ใช่ศิลปินที่มีผลงานเป็นที่รู้จักหรือโดนเด่นในบ้านเราสักเท่าไหร่นัก ส่วนตัวเราเองเริ่มติดใจผลงานของเขาจากแทร็ค Tender Love ที่เขาทำออกมาได้น่ารักสุดๆเลย เขามักจะ feat. กับนักร้องสาวๆ ที่ร้องในสไตล์เพลงยุค 80 หรือเพลงเต้นรำยุคดิสโก้ เมื่อผสมผสานออกมาแล้วมันน่ารักมากจริงๆ แม้แต่เพลง Ring My Bell หรือที่บ้านเรารู้จักกันในนามกางเกงลิงลอยฟ้า เขาก็เอามามิกซ์ใหม่ได้อย่างน่าสนใจ ยังไม่หมดแค่นั้น Baby Come Back ก็เป็นอีกแทร็คที่เจ๋งไม่แพ้กัน แทร็คนี้มีดีกรีความหนักหน่วงที่เพิ่มขึ้น แต่ความติดหูนั้นไม่ได้ลดระดับลงไปเลย ขอกระซิบตรงนี้ว่าทั้งสามเพลงที่ว่ามานี้โหลดได้ฟรีนะจ๊ะ แค่เพียงกดไลค์ในเพจเฟซบุคของพี่ท่าน ก็จะได้เพลงเก๋ๆจำนวนนึงมาเชยชมกันแบบฟรีๆ ว่าแต่ยังไงก็อย่าลืมสนับสนุนซิงเกิลอื่นๆด้วยละนะ
จะขอก็คงไม่ทันแล้วละ เพราะเราตกหลุมรักไปแล้วกับแทร็ค Permission To Love จาก Hayden James งานดิสโก้เฮาส์แบบนี้มีให้เห็นกันบ่อย แต่จะหาที่ฟังติดหูและกลมกล่อมจริงๆกลับมีไม่บ่อยนัก เท่าที่เจอๆมาไม่มากไปก็น้อยไปทั้งนั้น แต่งานนี้ต้องบอกเลยว่ากลมกล่อมและป็อบแบบพอดีๆ ลงตัวที่สุด
หลังจากที่เคยฟัง Another Day ของ Chuck Love ตั้งแต่ถูกปล่อยออกมาใหม่ๆ แต่ก็มัวหมักดองไม่ยอมเขียนซะที จนโดนลบหายออกไปจาก SoundCloud ซะเฉยๆ ไม่แน่ใจว่าทาง Random Soul Recordings คิดอะไรของเขาอยู่ แต่โชคยังดีที่โลกนี้มี YouTube ไม่มีอะไรที่จะหลุดรอดมันไปได้หรอก สุดท้ายเลยมีงานดีๆมาฝากกันจนได้
หลังจากที่เมื่อกลางเดือนก่อนเราเป็นปลื้มกับหนุ่ม Stimmhalt จากจอร์เจียไปแล้ว เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมาเขาก็ยังกลับมาทำให้เราปลื้มต่อเนื่องกับซิงเกิลใหม่ที่มีชื่อว่า Cats งานชิ้นใหม่นี้ยังคงเป็น deep house ชั้นดีแบบเดิม แต่ใส่ลูกเล่นใหม่เข้าไปด้วยเสียงแซ็กโซโฟน และจังหวะที่มีลูกเล่นต่างไปจากเดิมเล็กน้อย ใช้ลูกเล่นที่ความดังเบาของจังหวะ ทำให้งานน่าสนใจไปอีกแบบ โดยที่ความ chill แบบเดิมๆไม่ถูกทำลายหายไปแม้แต่นี้ดส์เดียว
ถึงแม้ว่าภาพรวมของเจ้าแมวเหมียวหลายตัวนี้อาจจะไม่ป็อบสู้ Again แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เราชอบงานของเขาน้อยลงเลย ยังคงสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า นี่คืองาน deep house ดีๆที่ต้องจับตามอง
The Camerawalls จัดได้ว่าเป็นวงอินดี้ป็อบหรืออัลเทอร์เนทีฟร็อก (เล็กๆ) ก็ว่าได้ ที่รวมตัวกันมาตั้งแต่ปี 2007 กระแสเริ่มมาในช่วงปี 2008 กับเดบิวท์อัลบั้มของพวกเขาที่มีชื่อว่า Pocket Guide To The Otherworld แต่สำหรับเราคิดว่าเพลงยังไม่ค่อยโดดเด่นเตะหูเตะตาเท่าไหร่ คนที่ชอบอะไรฉูดฉาดและโดนเด่นอาจจะมีเงิบหลับเอาได้
หลังจากนั้นก็ยังคงทำงานกันต่อกับดิจิตอลซิงเกิล The Sight of Love ที่ออกมาช่วงปี 2010 เป็นซิงเกิลที่ได้นักร้องสาวอย่าง Sarah Gaugler มาทำงานร่วมกัน กลิ่นอายของเพลงนี้น่าจะเป็นที่ถูกใจของใครที่ชอบสวีดิชป็อบอยู่เป็นทุนเดิม ส่วนตัวเราชอบมากเลย เพราะเป็นเพลงแรกที่ทำให้รู้จักกับวงนี้ด้วย
จนเมื่อช่วงปลายปีเดียวกัน The Camerawalls ก็ได้ออก EP ที่ชื่อ Bread and Circuses มา มีซิงเกิลเรียกแขกที่ชื่อ A Gentle Persuasion ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าเป็นแทร็คที่ลงตัวที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องนุ่มๆของหนุ่ม Clementine นักร้องนำ และการเรียบเรียงดนตรีที่เป็นแนวป็อบนี่แหละ ผสมแจ๊สก็ไม่ใช่ฟังก์ก็ไม่เชิง แต่ผลลัพธ์ที่ออกมามันกลมกล่อมสุดๆ
ตอนนี้ทางวงยังไม่ได้ออกผลงานอะไรใหม่ จะมีก็แต่การออกทัวร์ไปตามเรื่องตามราว ซึ่งเราก็หวังว่าน่าจะมีข่าวอะไรออกมาบ้างภายในปีนี้ คงเป็นเพราะความประทับใจจาก EP Bread and Circuses ทำให้เราตั้งความหวังกับงานชุดใหม่อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
The Royal Concept เป็นวงดนตรี 4 ชิ้นแนวอินดี้ป็อบจากประเทศสวีเดน ที่ไม่ได้ทำแต่ดนตรีแนวงุ้งงิ้งจิงเกิลแจงเกิลเหมือนอย่างสวีดิชป็อบทั่วๆไป กลิ่นอายหลักๆของความเป็นสวีดิชป็อบยังอยู่ครบ แต่เพิ่มเติมมาด้วยความหนักแน่น และด้วยเนื้อหาที่เต็มล้นไปด้วยพลังความสดใสของวัยที่กำลังค้นหาโลกกว้าง บวกกับเนื้อที่เพลงที่ติดหู จึงทำให้ On Our Way กลายเป็นเพลงฮิตสำหรับวัยรุ่นได้ไม่ยากเลย
We are young. We are one. Let us shine for what it's worth.
ในวันที่ 1 เดือนหน้า สาวคนนี้จะปล่อยซิงเกิลใหม่ซึ่งเป็นซิงเกิลที่สองของอัลบั้ม At The Back Of Beyond ออกมาให้ได้ฟังกัน ซิงเกิลนี้มีชื่อว่า Thinkin About You สำหรับความคืบหน้าเท่าที่มีตอนนี้ก็คือทีซเซอร์ของมิวสิควิดิโออย่างที่เห็นนี่แหละ และอย่างที่เคยบอกไปว่าเธอเป็นเจ้าของค่ายเสียเอง ก็เลยทำเองทั้งแต่งหน้า แต่งตัว ทำผมกันเลยทีเดียว ในเมื่อเธอลงทุนควบคุมการทำงานเองหลายขั้นตอนแบบนี้ ขอบอกเลยว่าห้ามพลาดเด็ดขาด